มลพิษเวียดนามเสี่ยงฉุดเศรษฐกิจ
สารปรอทรั่ว น้ำประปามีสารปนเปื้อน และระดับฝุ่นพิษที่สูงแตะระดับอันตราย คือปัญหามลพิษในเวียดนามที่ทำให้ประชาชนไม่พอใจในขณะนี้ และกล่าวหาพรรคคอมมิวนิสต์ว่ามุ่งเน้นเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจมากกว่าสิ่งแวดล้อม
เวียดนามเป็นสวรรค์ของนักลงทุนเนื่องจากค่าแรงถูก และนโยบายที่ส่งเสริมธุรกิจ อุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หนุนให้เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลก
เวียดนามเป็นแห่งผลิตเพื่อส่งออกสินค้าแบรนด์ดัง ตั้งแต่รองเท้าไนกี้ไปจนถึงสมาร์ทโฟนซัมซุง และเสื้อยืด H&M ทำให้เวียดนามมีการเติบโตกว่า 5% มานานกว่าทศวรรษ
แต่เวียดนามก็ต้องแลกมากับสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลาย โดยเฉพาะในเมืองสำคัญอย่างกรุงฮานอย ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นกว่า 8 ล้านคน และมี 13 เขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ถูกกระทบจากหายนะของสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
ปัญหาเริ่มจากโรงงานผลิตหลอดไฟที่ทำให้สารปรอทรั่วในเดือนส.ค. และทางการออกโรงเตือนไม่ให้บริโภคผัก เนื้อไก่ หรือปลาในบริเวณนั้น จากนั้นก็เป็นปัญหามลพิษในอากาศในกรุงฮานอย ที่ทำให้คุณภาพอากาศที่วัดได้จาก AirVisual ชี้ว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมลพิษ
และตอนนี้ ประชาชนประมาณ 1 ล้านคนได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำประปาปนเปื้อน หลังจากมีโรงงานปล่อยตะกอนไขมันลงในแม่น้ำที่เป็นแหล่งผลิตน้ำประปาให้กับพื้นที่รอบกรุงฮานอย
“ รัฐบาลให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจมากกว่าสิ่งแวดล้อม” Do Thanh Huyen หุ้นส่วนบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ Dezan Shira & Associates ในกรุงฮานอยระบุ
วิกฤตน้ำ และการแก้ปัญหาที่ล่าช้าของรัฐบาล ก่อให้เกิดการประท้วงในโลกออนไลน์จากคนในท้องถิ่น หลายคนต้องซื้อน้ำดื่มนานกว่า 10 วันหลังเกิดเหตุ
มีผู้ถูกจับกุม 3 รายจากเหตุร้ายนี้ แต่หลายคนยังคงกล่าวโทษรัฐบาล แม้รัฐบาลให้สัญญาว่าจะสอบสวนเหตุร้ายนี้อย่างเต็มที่
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ในปี 2559 มีผู้เสียชีวิตกว่า 60,000 รายจากมลพิษในอากาศ โดยกรุงฮานอยอยู่ในอันดับที่ 107 จากทั้งหมด 140 เมืองจากดัชนีประจำปีของ the Economist Intelligence Unit รองจากกรุงเทพฯ มะนิลาและกัวลาสัมเปอร์
ความเสี่ยงที่จะกระทบชื่อเสียงของเมืองเป็นปัญหาของทางการฮานอย ที่พยายามจะชูให้ฮานอยเป็นเมืองหลวงที่เปิดกว้างสำหรับผู้นำระดับโลก และนักเดินทางทั่วโลก โดยเตรียมจัดการแข่งขันรถ F1 ในปีหน้า
แต่จากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยมลพิษ ขยะปนเปื้อนในแม่น้ำ และน้ำประปาที่ไม่สะอาดทำให้ผู้อยู่อาศัยในกรงฮานอยรับไม่ได้กับความเปลี่ยนแปลง
“ ฮานอยไม่ใช่ฮานอยของเราอีกต่อไป” Nguyen Vinh ทหารผ่านศึกวัย 65 ปีที่เกิดในกรุงฮานอยกล่าว “ มันมีแต่มลพิษ อากาศ น้ำ ทุกอย่าง”