จีนส่งออกเดือนก.ค.โตในรอบ 4 เดือน
ปักกิ่ง (รอยเตอร์) – การส่งออกของจีนกลับมาเติบโตเกินคาดการณ์ในเดือนก.ค. ถึงแม้สงครามการค้ากับสหรัฐฯจะตึงเครียดขึ้น แต่อาจเป็นการฟื้นตัวระยะสั้น เพราะสหรัฐฯจะเริ่มเก็บภาษีเพิ่มเติมกับสินค้านำเข้าจากจีนในเดือนหน้า
เงินหยวนที่อ่อนค่าลงในสัปดาห์นี้อาจทำให้ผู้ส่งออกจีนรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เนื่องจากต้องเตรียมเผชิญกับมาตรการภาษีเพิ่มเติมจากสหรัฐฯที่จะมีผลในวันที่ 1 ก.ย. และดีมานด์ทั่วโลกที่ซบเซาลง
โดยตัวเลขส่งออกเติบโต 3.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นมา จากข้อมูลของกรมศุลกากรเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเติบโตลดลงมาอยู่ที่ 2.0% หลังจากในเดือนมิ.ย.เติบโตอยู่ที่ 1.3%
แต่การนำเข้ายังคงอ่อนแรง โดยตัวเลขลดลง 5.6% และดีมานด์ในประเทศยังคงอยู่ในสภาพต้องดิ้นรน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ลดลงยังคงน้อยกว่าการคาดการณ์ที่ 8.3% และตัวเลขเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 7.3%
ทำให้จีนเกินดุลการค้า 45,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สหรัฐฯขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนจำนวนมากในเดือนพ.ค. หลังจากการเจรจาล่ม และจีนโต้กลับ
เดือนก.ค.เป็นเดือนที่มีการพักรบจากสงครามการค้าที่ยาวนานกว่าหนึ่งปี หลังจากผู้นำของทั้งสองประเทศประชุมร่วมกันช่วงปลายเดือนมิ.ย.และตกลงจะกลับมาเจรจาการค้ารอบใหม่ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยอมให้พักมาตการภาษีไว้ก่อน
แต่สถานการณ์เปลี่ยนไป เมื่อทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี 10% มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับสินค้านำเข้าของจีนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้ภาษีส่งผลครอบคลุมสินค้าทุกชนิดของจีนที่ขายให้สหรัฐฯ และเพื่อเป็นการตอบโต้ จีนได้ประกาศเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ว่าจะหยุดซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ
ทั้งนี้ จีนเกินดุลการค้าสหรัฐฯอยู่ที่ 27,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 862,110 ล้านบาท)ในเดือนก.ค. ลดลงจากเดือนมิ.ย.คือ 29,920 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (924,528 ล้านบาท)
แต่ตัวเลขที่จีนเกินดุลการค้าสหรัฐฯ ทะลุไปถึง 168,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 5.20ล้านล้านบาท) แล้วในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 นี้ ชี้ให้เห็นถึงความไม่สมดุลทางการค้าที่ยังดำเนินอยู่ ซึ่งประเด็นนี้เป็นข้อเรียกร้องหลักของทรัมป์ในการเจรจากับทางจีน
นอกจากนี้ ในวันที่ 5 ส.ค.จีนยอมปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงเกิน 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ และทำให้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกโรงตราหน้าจีนว่าเป็นผู้ควบคุมกำหนดค่าเงินหยวน
โดยนักเศรษฐศาสตร์ทำนายว่า ค่าเงินหยวนอาจอ่อนค่าลงถึง 7.5 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯได้ในปีหน้า
“ เครื่องมือของนโยบายที่ทรงอิทธิพลที่สุดคืออัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินที่อ่อนค่าลงช่วยชดเชยผลกระทบจากภาษีได้มาก” Julian Evans Pritchard นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสที่เชี่ยวชาญเรื่องจีนของ Capital Economics ระบุในเอกสารเมื่อสัปดาห์ก่อน