บ.จีนหยุดซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯ
ปักกิ่ง – เมื่อวันที่ 6 ส.ค. กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า บริษัทของจีนหยุดซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ส่งผลกระทบซ้ำเติมเกษตรกรสหรัฐฯ ที่ต้องประสบกับตัวเลขส่งออกที่ตกต่ำลงมานานกว่าหนึ่งปีจากสงครามการค้า
โดยทางกระทรวงระบุว่า จีนอาจขึ้นภาษีเพิ่มเติมกับสินค้าเกษตรนำเข้าจากสหรัฐฯ ทำให้มีอุปสรรคมากขึ้นกับการค้าในอนาคตกับกลุ่มเกษตรกรซึ่งเป็นกลุ่มฐานเสียงสำคัญที่หนุนให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในปี 2559
เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า จีนไม่ทำตามสัญญาที่จะซื้อสินค้าเกษตรจำนวนมากจากสหรัฐฯ และขู่จะขึ้นภาษีรอบใหม่มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับสินค้านำเข้าจากจีน ทำให้ความหวังที่จะทำข้อตกลงการค้าระหว่างกันริบหรี่ลง
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. จีนยังปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงต่ำสุดอยู่ที่ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และสหรัฐฯขานรับด้วยการระบุว่าจีนควบคุมค่าเงินหยวน
Zippy Duvall ประธานสมาพันธ์เกษตรกรอเมริกันเรียกการประกาศของจีนว่า “เป็นเหมือนการทิ้งระเบิดกับเกษตรกรนับพันราย ที่ต้องดิ้นรนอย่างยากลำบากอยู่แล้ว”
ภาษีจีนที่จัดเก็บในอัตรา 25% กับถั่วเหลืองนำเข้าจากสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว ทำให้ตัวเลขส่งออกถั่วเหลือง ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูงสุดของสหรัฐฯตกต่ำลง และบีบให้รัฐบาลทรัมป์ต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรสหรัฐฯนาน 2 ปี ด้วยงบประมาณสูงถึง 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 866,320 ล้านบาท)
ในปี 2561 จีนนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯมูลค่า 9,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 281,554 ]ล้านบาท ) โดยส่วนใหญ่เป็นถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์นม ข้าวฟ่าง และเนื้อหมู ลดลงจากเดิมคือ 19,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 603,330 ล้านบาท) ในปี 2560 จากข้อมูลของสภาการเกษตรอเมริกัน
เกษตรกรสามารถเริ่มยื่นขอความช่วยเหลือทางการค้ารอบหน้าได้ในเดือนส.ค.นี้ แต่ความผันผวนทางการค้าอาจทำให้มีความยุ่งยากกับแผนช่วยเหลือในระยะยาว
“ เราต้องขอบคุณสำหรับเงินช่วยเหลือ มันช่วยได้มากแต่เราอยากเปิดตลาดมากกว่า เพราะมันจะสร้างเสถียรภาพการเงินของเรา” Derek Sawyer วัย 39 ปี เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวสาลีและฟาร์มปศุสัตว์จากเมืองแมคเฟอร์สัน รัฐแคนซัส ให้ความเห็น
“ มีความผันผวนมากตอนนี้ เพราะไม่มีใครรู้กฎของเกม และไม่มีใครรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต ”