GDP จีนชะลอตัว 6.2% ต่ำสุดใน 27 ปี
ปักกิ่ง (รอยเตอร์) – การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 6.2% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับปีก่อน นับเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบเกือบ 27 ปี จากดีมานด์ในประเทศและต่างประเทศที่ลดลง ซึ่งเป็นผลกระทบของสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
แต่ผลผลิตโรงงานในเดือนมิ.ย.ที่แข็งแกร่งเกินคาดการณ์ และยอดค้าปลีกส่งสัญญาณที่มีเสถียรภาพ
ประเทศคู่ค้าของจีนและตลาดการเงินกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดถึงสภาพเศรษฐกิจของจีน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เนื่องจากสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีนยังคงลากยาวและสร้างความเสียหายมากขึ้น ก่อให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจจะถดถอยทั่วโลก
ข้อมูลการเติบโตที่เปิดเผยในวันที่ 15 ก.ค. ชี้ให้เห็นถึงโมเมนตัมที่ลดลงจาก GDP ในไตรมาสแรก 6.4% และมีการคาดการณ์กันว่าจีนจะมีมาตรการระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นเพื่อหนุนการบริโภคและการลงทุน และฟื้นฟูความเชื่อมั่นมางธุรกิจ
โพลนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์คาดการณ์ว่า GDP ในไตรมาสเดือนเม.ย. – มิ.ย.เติบโต 6.2% เป็นการชะลอตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2535
จีนพึ่งพามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อหนุนการเติบโตในปีนี้ โดยประกาศลดภาษีมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านหยวน ( 9.08 ล้านล้านบาท)
นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงของจีนระบุในเดือนก.ค.นี้ว่า จีนจะลดอัตราส่วนสำรองขั้นต่ำของธนาคาร (RRR) และเครื่องมือทางการเงินอื่นๆเพื่อสนับสนุนบริษัทขนาดเล็ก ขณะที่ย้ำว่าจะไม่ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไป
หลังจากตัวเลขที่ซบเซาในเดือนพ.ค. ข้อมูลการผลิตอุตสาหกรรม ค้าปลีก และการลงทุนทรัพย์สินถาวรในวันที่ 15 ก.ค.ล้วนแต่ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ชี้ให้เห็นว่าความพยายามของจีนเริ่มส่งผล
ผลผลิตอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ดีดตัวขึ้นจากเดือนพ.ค.ที่ต่ำสุดในรอบ 17 ปี และแซงตัวเลขคาดการณ์ที่ 5.2%
ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.เติบโต 9.8% ยอดขายรถยนต์พุ่งขึ้น 17.2% ในเดือนนี้ ทะยานขึ้นจากเดิม 2.1% ในเดือนพ.ค.
สภาพเศรษฐกิจยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่ซับซ้อน จากความผันผวนภายนอกที่เพิ่มขึ้น จากแถลงการณ์ของสำนักสถิติ จากการเผชิญกับปัจจัยที่สร้างแรงกดดันด้านลบใหม่ๆ จีนจะพยายามสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพ.