ขาช้อป Gen Z ของจีนหนุนตลาดแบรนด์หรู
ปารีส (รอยเตอร์) – นักช้อปในวัยต้น 20 ปี หรือ Gen Z ของจีนกลายเป็นแรงขับเคลื่อนทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมสินค้าแบรนด์หรูหราราคาแพงทั่วโลก จากข้อมูลของบริษัทที่ปรึกษา Bain ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.
โดยผู้บริโภคชาวจีนมีจำนวนมากจนคิดเป็นกว่า 1 ใน 3 ของแหล่งรายได้ของสินค้าหรูหราทั่วโลก และยังคงเป็นแรงหนุนการเติบโตของภาคส่วนนี้ แม้สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนยังดำเนินอยู่ก็ตาม
Bain คาดการณ์ว่ายอดขายทั่วโลกของกระเป๋าถือแบรนด์หรู เสื้อผ้าและเครื่องสำอางราคาแพงจะขยายตัวเติบโต 4% – 6% ในปี 2562 โดยอานิสงส์สำคัญคือดีมานด์ที่บูมในจีน หลังจากมีตัวเลขเติบโต 6% ในปีก่อน
แต่รูปแบบการช้อปปิ้งเปลี่ยนไป ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางไปสหรัฐฯ ลดน้อยลง และรัฐบาลสนับสนุนให้มีการใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น พร้อมลดภาษี VAT
ผู้บริโภค Gen Z คือกลุ่มคนที่มีอายุช่วงปลายวัยรุ่นถึงต้น 20 ปี ยึดศูนย์กลางตลาดได้อย่างรวดเร็วในจีน ซึ่งผู้บริโภคสินค้าแบรนด์หรูมีอายุน้อยกว่าตลาดอื่นในโลก
“พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ต้องจับตา พวกเขามีกำลังใช้จ่ายสูงมาก เป็นผู้ซื้อที่มีแรงกระตุ้น”
Federica Levato หุ้นส่วนของ Bain ระบุ
แบรนด์สินค้าอเมริกันและยุโรปพยายามจะยึดครองแนวโน้มตลาดด้วยการโหมแคมเปญการตลาดดิจิทัล และอีเวนต์ต่างๆ เช่นงานคอนเสิร์ต หรือหน้าร้านชั่วคราว Levato ระบุ
แบรนด์ Prada ของอิตาลี ซึ่งฮอตฮิตในบรรดานักช้อปชาวจีน เริ่มใช้งบน้อยลงในหลายตลาด เช่น ฮ่องกง โดยในเดือนพ.ค. Cai Xukun นักร้องและนักแสดงดังวัย 20 ปี ได้รับเลือกให้เป็นกระบอกเสียงให้แบรนด์ในจีน เพื่อแข่งกับแบรนด์อื่นในการคว้าตลาดที่กำลังเติบโตในจีน
ผลการศึกษาของ Bain ช่วงต้นปีนี้ชี้ว่า กลุ่มมิลเลนเนียลในจีน ซึ่งเป็นคนที่เกิดระหว่างช่วงกลางทศวรรษ 1980 ถึงต้นทศวรรษ 1990 เป็นคนรุ่นก่อน Gen Z มีรายได้ที่ดีมาจากพ่อแม่ เหมือนกับกลุ่มนักช้อป Gen Z
สหรัฐฯ ซึ่งเป็นอีกตลาดสำคัญของสินค้าแบรนด์หรูหรา ยังคงแข็งแกร่ง แม้ในไตรมาสแรกจะมีปัญหาจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ และส่วนลดที่น้อยลง ที่อาจเป็นเพียงชั่วคราว บริษัทที่ปรึกษาระบุในรายงานล่าสุด
บางบริษัท เช่น แบรนด์เครื่องประดับหรู Tiffany มียอดขายลดลง จากจำนวนนักเดินทางชาวจีนที่ลดลงจากสงครามการค้า
“ เราไม่มีหลักฐานใดๆ ตอนนี้ที่ชี้ถึงผลกระทบ (กับแบรนด์หรู) นอกจากจำนวนนักท่องเที่ยว” Levato กล่าว.