ออมสินสั่งปิดตู้เอทีเอ็ม 3 พันเครื่อง
ธนาคารออมสินถูกโจรกรรมเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม สูญเงินมากกว่า 12 ล้านบาท “ชาติชาย” เต้นสั่งตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว มั่นใจตำรวจจับคนร้ายได้อย่างแน่นอน
“ ธนาคารออมสินถือเป็นธนาคารแห่งแรกของประเทศไทยที่ถูกโจรกรรมจากโปรแกรม Malware ทำให้สูญเงินมากกว่า 12 ล้านบาท และยังต้องสั่งปิดเครื่องกดเงินสดหรือเอทีเอ็มมากกว่า 3,000 เครื่อง จากจำนวนตู้เอทีเอ็มทั้งหมด 7,000 เครื่องทั่วประเทศ ” นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสินแถลงข่าวกรณีตู้เอทีเอ็มของธนาคารถูกโจรกรรมเงินสด เมื่อวันที่ 23 ส.ค.59
นายชาติชาย กล่าวว่า ธนาคารออมสินเริ่มรู้เบาะแสว่า เงินสดหายไปอย่างไร้ร่องรอยประมาณ 8 วัน โดยมียอดเงินความเสียหายเบื้องต้น 960,000 ล้านบาท จึงได้สั่งปิดตู้เอทีเอ็มชั่วคราว และเริ่มตรวจสอบเงินสดที่อยู่ในตู้เอทีเอ็มทั้งหมดพบว่า มีเงินสดหายไป 12,291,000 บาท (12 ล้านบาท) จากตู้เอทีเอ็มยี่ห้อเอ็มซีอาร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ยี่ห้อที่ธนาคารออมสินใช้อยู่ในปัจจุบัน หลังจากนั้น จึงได้ตัดสินใจปิดบริการเครื่องเอทีเอ็มยี่ห้อดังกล่าวทุกเครื่อง เพื่อสำรวจจำนวนเงินทั้งหมดร่วมกับบริษัทเจ้าของเครื่องและทำการตรวจสอบวิเคราะห์หาสาเหตุที่เกิดขึ้น
“ ตู้เอทีเอ็มที่ถูกโจรกรรมเงินสดหายไปมีทั้งหมด 21 เครื่อง รวมเป็นเงินมากกว่า 12 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.เป็นต้นมา ธนาคารออมสินจึงได้สั่งปิดให้บริการตู้เอทีเอ็มชั่วคราวบางส่วน โดยเฉพาะตู้เอทีเอ็มบางรุ่นที่ต้องปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพใหม่ โดยขอยืนยันว่า เงินสดที่หายไปจากตู้เอทีเอ็มทั้งหมดไม่ใช่เงินสดของลูกค้า และไม่มีผลกระทบกับยอดเงินในบัญชีของผู้ฝากเงินแต่อย่างใด ”
สำหรับเงินสดที่หายไปจากตู้เอทีเอ็มทั้ง 21 เครื่อง เกิดขึ้นในหลายจังหวัดโดยเฉพาะภาคใต้ประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต 6 เครื่อง จังหวัดสุราษฏร์ธานี 4 เครื่อง จังหวัดชุมพร 2 เครื่อง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2 เครื่อง จังหวัดเพชรบุรี 2 เครื่อง และกรุงเทพฯ 5 เครื่องบริเวณถนนสุขุมวิทและถนนวิภาวดี-รังสิต โดยฝ่ายบริหารของธนาคารออมสินได้ดำเนินการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีเรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความมั่นใจว่าจะสามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้อย่างแน่นอน เพราะตู้เอทีเอ็มทุกเครื่องของธนาคารมีกล้องวงจรปิดและเห็นใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน โดยมีรูปพรรณสัณฐานเป็นชาวยุโรปตะวันออก (แขกขาว)
นายชาติชาย กล่าวว่า ขณะนี้ ธนาคารได้ติดต่อบริษัทที่ผลิตตู้เอทีเอ็มยี่ห้อเอ็มซีอาร์ และบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว และล่าสุดได้รับแจ้งจากบริษัทเจ้าของเครื่องจากประเทศสกอตแลนด์ว่า เป็นลักษณะการโจรกรรมเงินในกล่องเงินเครื่องเอทีเอ็ม เฉพาะที่ติดตั้งนอกสถานที่ (Stand Alone) โดยใช้โปรแกรม Malware ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
“ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของประชาชนในช่วงนี้ ธนาคารจึงสั่งปิดให้บริการตู้เอทีเอ็ม 3,343 เครื่อง จากจำนวนตู้เอทีเอ็มทั้งหมด 7,000 เครื่อง จึงยังคงมีตู้เอทีเอ็มที่บริการประชาชนได้อีกประมาณ 4,000 เครื่องทั่วประเทศ นอกจากนี้ ธนาคารออมสินยังได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รับทราบเรียบร้อยแล้ว ”
ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวต่อว่า ธนาคารออมสินต้องชี้แจงเพื่อให้ประชาชนและลูกค้าทราบสาเหตุที่ธนาคารต้องปิดให้บริการตู้เอทีเอ็มบางรุ่น เพื่อตรวจสอบระบบเอทีเอ็มของธนาคาร และเป็นการป้องกันความเสียหายเงินของธนาคารที่อยู่ในตู้ โดยขอยืนยันว่า จำนวนเงินที่หายไปจากตู้เอทีแอ็มทั้ง 21 เครื่องไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับบัญชีและเงินของลูกค้าแต่อย่างใด และขอให้ลูกค้าประชาชนมั่นใจในการบริการของธนาคารออมสินต่อไป
ทั้งนี้ในระหว่างที่ปิดบริการตู้เอทีเอ็มบางรุ่นดังกล่าว อาจทำให้ลูกค้าไม่ได้รับความสะดวก โดยลูกค้าสามารถใช้บริการตู้เอทีเอ็มที่ติดตั้งอยู่หน้าสาขาของธนาคารออมสินได้ทุกสาขา รวมถึงตู้เอทีเอ็มที่อยู่นอกสาขาบางส่วน นอกจากนี้ยังสามารถใช้บริการผ่านช่องทางอื่นๆ ของธนาคารได้ตามปกติ ได้แก่ บัตรเอทีเอ็ม บัตรออมสิน, วีซ่าเดบิต, บริการ MyMo (Mobile Banking) และ Internet Banking หรือใช้บริการที่เคาน์เตอร์สาขาของธนาคารออมสิน ตามวันและเวลาเปิดทำการของสาขานั้นๆ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้บริการเอทีเอ็ม ลูกค้าสามารถใช้บริการที่ตู้เอทีเอ็มได้ทุกธนาคารในเขตพื้นที่เดียวกัน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการทำรายการตลอดระยะเวลาที่ปิดบริการดังกล่าว.