อินโดฯพิจารณาโทษหนักพวกเผาป่า
จาการ์ตา : ทางการอินโดนีเซียกำลังศึกษาแผนในการเพิ่มบทลงโทษกับบริษัทที่พบว่ามีการเผาป่าและพื้นที่ชุ่มน้ำ จากแถลงการณ์ของกระทรวงสิ่งแวดล้อม เนื่องจากประเทศต้องประสบกับไฟป่าและปัญหาหมอกควันมาทุกปีตั้งแต่ปี 2558
โดยเหตุไฟป่าในแต่ละปี ทำให้อินโดนีเซียต้องใช้เวลานานหลายเดือนในการดับไฟ ซึ่งส่วนใหญเกิดจากการถางแล้วเผาเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน ขณะที่สภาพอากาศแห้งแล้งแบบเอลนีโญยิ่งทำให้เกิดไฟป่าและหมอกควันมากยิ่งขึ้นที่ลอยไปทั่วภูมิภาค
โดยบทลงโทษที่รัฐบาลพิจารณาคือการใช้กฎหมายต่อต้านการฟอกเงินกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเผาป่า ราสิโอ ริโดห์ ซานิ อธิบดีอัยการของกระทรวงสิ่งแวดล้อมระบุกับสื่อเมื่อวันที่ 23 ก.ย.
เขาเสริมว่า กฎหมายนี้จะทำให้มีการยึดผลกำไรจากบริษัท หรือบุคคล ซึ่งได้ประโยชน์จากการเผาโดยเจตนา
รัฐบาลได้ควบคุมพื้นที่ซึ่งถูกเผาทำลาย ซึ่งเป็นสัมปทานที่ควบคุมโดย 52 บริษัท ซานิกล่าว และทางการกำลังสอบสวน 5 บริษัทต้องสงสัยว่าลงมือจุดไฟ หรือประมาทจนทำให้เกิดไฟป่าขึ้นภายในพื้นที่
ทั้งนี้ บ่อยครั้งที่พบว่า บริษัทน้ำมันปาล์มและป่าไม้มีความเกี่ยวข้องกับการเผาป่า
หน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยของอินโดนีเซียระบุว่า มีพื้นที่ป่ากว่า 320,000 เฮกตาร์ถูกเพลิงเผาผลาญจากเดือนม.ค. ถึงส.ค. ในปีนี้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา
โดยทางการอินโดฯ ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ถึง 29,000 นาย และเฮลิคอปเตอร์ 48 ลำเพื่อดับไฟ รวมถึงให้เครื่องบินขึ้นทำฝนเทียมเพื่อให้มีฝนตกลงมาช่วยดับไฟด้วย
ซานิระบุว่า กระทรวงสิ่งแวดล้อมก็จะสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่น (ซึ่งออกใบอนุญาตให้ )เพิกถอนสิทธิ์ของบริษัทเหล่านี้เพื่อให้มีภาระรับผิดชอบเรื่องไฟป่า
“ การลงโทษผู้บริหารเป็นเรื่องต้องรีบทำ ขณะที่กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญาใช้เวลาในการดำเนินการนาน” ซานิระบุ “ เราสามารถใช้การลงโทษผู้บริหารเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง และเราคาดการณ์ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารหน่วยงาน ,นายกเทศมนตรีและผู้ว่าการในการบังคับใช้กฎหมาย”
หลังจากปี 2558 เหตุไฟป่าและพื้นที่ชุ่มน้ำสร้างความเสียหายกับประเทศถึง 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 489,920 ล้านบาท ) จากข้อมูลของธนาคารโลก รัฐบาลดำเนินการฟ้องร้อง 14 บริษัท มี 5 บริษัทที่อยู่ในระหว่างการไต่สวน หรือขั้นตอนไกล่เกลี่ย ขณะที่อีก 3 บริษัทไม่ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาล จากข้อมูลของกระทรวง.