เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ย
ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ แจเน็ต เยลเลน กล่าวว่า อาจเป็นเรื่องเหมาะสมที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าที่ใกล้จะถึงนี้
โดยตารางการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งหน้าเพื่อกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐฯ จะมีขึ้นในวันที่ 14 และ 15 มี.ค.นี้
นางสาวเยลเลนได้กล่าวกับสภาคองเกรสว่า การเลื่อนเวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไปอาจเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดนัก และจะทำให้เฟดต้องเคลื่อนไหวเร็วขึ้นในภายหลัง ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว เฟดปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 0.25% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบทศวรรษ
แต่เฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำเกือบแตะระดับ 0% มานานถึง 7 ปีแล้ว ก่อนที่จะปรับขึ้นเมื่อเดือนธ.ค.ปี 2558 และอีกครั้งเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
การประชุมร่วมกับสภาคองเกรสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง นางสาวเยลเลนได้ย้ำอีกว่า ถึงแม้เฟดคาดการณ์ว่าจะค่อยๆปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่การปรับเข้าสู่ระดับปกติเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
โดยเธอเสริมว่า “ การรอคอยนานเกินไปที่จะขยับดอกเบี้ยเป็นเรื่องไม่ฉลาดนัก เพราะจะยิ่งทำให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วในท้ายที่สุด ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสี่ยงในตลาดเงินและผลักดันให้เศรษฐกิจถดถอย”
“ ในการประชุมครั้งหน้าที่ใกล้เข้ามานี้ เราจะประเมินว่า การจ้างงานและเงินเฟ้อค่อยๆ พัฒนาเข้ารูปเข้าร่างตามที่เฟดคาดการณ์ไว้หรือไม่ ถ้าเป็นไปเช่นนั้น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็ดูจะเหมาะสม”
เธอไม่ได้กล่าวว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามสัญญาณที่ส่งออกมาเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
นายโอเมอร์ เอสสิเนอร์ หัวหน้านักวางกลยุทธตลาดที่ Commonwealth Foreign Exchange ในกรุงวอชิงตันกล่าวว่า “ เยลเลนกำลังพยายามผลักดันให้มีการปรับอัตราตราดอกเบี้ยขึ้นในเดือนมี.ค.ที่จะถึงนี้”
เขาเสริมว่า “ นี่ไม่ได้แปลว่า เฟดจะปรับดอกเบี้ยขึ้นในเดือนมี.ค. แต่เฟดต้องการมีทางเลือกมากกว่า”
ทั้งนี้ หลังจากการแสดงความคิดเห็นของเธอ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นทันที 0.3% และ 0.5% ต่อเงินปอนด์.