กฎใหม่ทรัมป์อาจลดคนเข้าสหรัฐฯ เกินครึ่ง
สหรัฐฯ (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 12 ส.ค.รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เผยกฎใหม่ที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าจะทำให้จำนวนผู้เดินทางเข้าสหรัฐฯอย่างถูกกฎหมายลดลงเกินครึ่ง เนื่องจากมีการปฏิเสธการออกวีซ่าและเอกสารการให้อยู่อาศัยถาวร หรือกรีนการ์ด กับผู้ยื่นขอหลายแสนรายเพราะพวกเขามีรายได้น้อยเกินไป
โดยกฎใหม่ ซึ่งถูกผลักดันอย่างแข็งขันจากสตีเฟน มิลเลอร์ หัวหน้าที่ปรึกษาด้านอพยพเข้าเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ต.ค. โดยจะปฏิเสธคำร้องของผู้ยื่นขอวีซ่าชั่วคราวหรือถาวร หากผู้ขอไม่มีรายได้ถึงมาตรฐานที่กำหนด หรือขอรับความช่วยเหลือจากรัฐ เช่น เงินสวัสดิการ แสตมป์อาหาร บ้านการเคหะ หรือ Medicare
“ รัฐบาลทรัมป์พยายามหลีกเลี่ยงสภาคองเกรส และดำเนินการระบบอพยพเข้าเมืองเองรัฐบาลพร้อมปิดล็อคประตูไม่ให้ผู้มีรายได้น้อยผ่านเข้าเมืองมา” ชาร์ลส วีลเลอร์ จาก Catholic Legal Immigration Network กล่าว
กฎหมายใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของทรัมป์ที่จะควบคุมการอพยพเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญในระหว่างการเป็นประธานาธิบดีของเขา
หลังจากมีการประกาศกฎใหม่ ทาง National Immigration Law Center (NILC) ระบุว่า จะยื่นฟ้องเพื่อหยุดไม่ให้กฎใหม่นี้มีผลบังคับใช้ โดยทางผู้บริหารของกลุ่มระบุว่า กฎนี้มีแรงจูงใจจากการเหยียดเชื้อชาติ โดยอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐนิวยอร์กขู่จะฟ้องร้องเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เนื้อหาของกฎใหม่ ที่มีความยาว 837 หน้า ซึ่งตั้งเป้ากับผู้ที่กลายเป็น public charge ในสหรัฐฯ อาจเป็นนโยบายที่รุนแรงที่สุดของรัฐบาลทรัมป์ที่มีกับระบบเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมาย อาจเป็นการปฏิเสธการต่อวีซ่าให้กับผู้ที่มีเงินไม่พอ หรือผู้ที่ขอรับสวัสดิการรัฐ
รัฐบาลประเมินว่า อาจมีการพิจารณาทบทวนสถานะของผู้เข้าเมือง 382,000 คนทันทีจากเหตุผลเหล่านี้ แต่บรรดาผู้สนับสนุนการอพยพเข้าเมืองกลัวว่าจำนวนจะสูงกว่านี้ โดยเฉพาะหากมีการขยายกฎให้ครอบคลุมผู้ที่ยื่นขอวีซ่าสหรัฐฯนับล้านคนที่สถานกงสุลอเมริกันทั่วโลก
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯได้เปลี่ยนแปลงคู่มือกิจการต่างประเทศในเดือนม.ค.2561 เพื่อให้อำนาจนักการทูตมากขึ้นในการตัดสินใจปฏิเสธวีซ่าด้วยพื้นฐานเรื่อง public charge ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนก.ย.ปีก่อน จำนวนผู้ที่ถูกปฏิเสธวีซ่าด้วยเหตุผลนี้เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้
“ นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลทำได้ หลังจากพยายามผ่านทางสภาคองเกรสแล้วไม่สำเร็จ” Doug Rand ผู้ร่วมก่อตั้ง Boundless ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนผู้อพยพหลายครอบครัวกับระบบอพยพเข้าเมืองของสหรัฐฯให้ความเห็น
Rand ระบุว่ากฎใหม่นี้มีเจตนาจะทำให้ผู้อพยพเข้าเมืองไม่กล้าขอสวัสดิการรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย เขายังเสริมว่า จากการสำรวจของ Boundless พบว่า นี่จะเป็นการลดจำนวนผู้ขอวีซ่าลงเกินครึ่ง
มีความกังวลว่า กฎนี้จะส่งผลกระทบด้านลบกับสุขภาพ เนื่องจากผู้อพยพกลัวที่จะขอความช่วยเหลือด้านสุขภาพหรือด้านอาหาร ขณะที่รัฐบาลทรัมป์ประเมินว่า กฎนี้จะช่วยประหยัดการใช้จ่ายสวัสดิการของรัฐได้ถึง 2,470 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 76,421 ล้านบาท)
กฎใหม่นี้กำหนดให้ public charge คือ ผู้อพยพเข้าเมืองที่ขอรับสวัสดิการรัฐ 1 ข้อหรือมากกว่า นานกว่า 12 เดือน ภายในเวลา 36 เดือน
สวัสดิการรัฐคือเงินช่วยเหลือ ทั้งรายได้เสริมด้านความปลอดภัย (Supplemental Security Income ) , เงินช่วยเหลือครอบครัวในโครงการ TANF , โครงการช่วยเหลือทางโภชนาการ ( SNAP) , Medicaid ทุกรูปแบบ และสวัสดิการบ้านการเคหะ