“ปุ้ยเก่ง” อร่อยช้อนเดียวไม่ยุ่งยากเรื่องเครื่องปรุง
ผลิตภัณฑ์ที่ดีจะต้องตอบสนองความต้องการ หรือการใช้งานของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของความสะดวกสบาย ด้วยสภาพของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ความรวดเร็วในการดำเนินชีวิตถูกเข้ามาแทนที่ หากผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอตอบโจทย์ย่อมหมายถึงความสำเร็จในการทำธุรกิจ
ผลิตภัณฑ์แบรนด์ “ปุ้ยเก่ง” มีการ Start up ธุรกิจขึ้นมาจากการปรับเปลี่ยนประยุกต์รสชาติความอร่อยให้สามารถทำได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ช่วยให้การประกอบอาหารเป็นเรื่องง่าย ส่งผลทำให้ธุรกิจมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
จากร้านก๋วยเตี๋ยวสู่ธุรกิจ
พัชรากร สิริปุณยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เงิน-สดซีซันนิ่ง จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจ ว่า ต้องย้อนกลับไปประมาณ 40 ปีที่ผ่านมา โดยครอบครัวของเธอประกอบธุรกิจขายก๋วยเตี๋ยว ด้วยรสชาติที่อร่อยถูกปากจึงทำให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ซึ่งเมื่อขายดีอย่างมากจึงทำให้เกิดแนวคิดว่าทำไมถึงไม่ปรุงครั้งเดียว หรือทำให้อร่อยภายในช้อนเดียว ไม่ต้องมาคอยปรุงทีละชาม โดยทำออกมาเป็นเครื่องปรุงรส และกลายเป็นธุรกิจเครื่องปรุงรสอาหารสำเร็จรูป รสชาติต่างๆแบรนด์ “ปุ้ยเก่ง” ในที่สุด
สำหรับเครื่องปรุงรสแบรนด์ ปุ้ยเก่ง ประกอบด้วย เครื่องปรุงอาหารสำเร็จรูปก๋วยเตี๋ยวน้ำข้น-น้ำใส ,เย็นตาโฟ ,ผัดไทย ,ส้มตำ ,ผัดซีอิ๊ว ,ต้มยำ และแป้งกล้วยทอด เป็นต้น โดยจดทะเบียนก่อตั้งเป็นบริษัทในปี 2539 และมีการจำหน่ายผ่านห้างค่างส่งอย่างแมคโคร ประมาณ 10 ประเภท ซึ่งจะไม่ครบทุกผลิตภัณฑ์ เพราะการผลิตจะต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นจึงเริ่มเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคจากความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีบางสาขาที่ผู้บริโภคไม่รูจัก ยอดขายไม่ดีเท่าใดนัก ผลิตภัณฑ์จึงถูกนำออกจากชั้นางจำหน่าย ทำให้มีวาจำหน่ายแค่บางสาขาเท่านั้น
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ยังมีจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางส่วน เนื่องจากแบรนด์มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยที่แบรนด์ไม่เคยโฆษณาประชาสัมพันธ์ ส่วนใหญ่จำจำหน่ายให้กับลูกค้าที่รู้จัก แต่เมื่อเริ่มมีการจำหน่ายผ่านออนไลน์เมื่อปี 2560 ก็ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น
มุ่งตลาดออนไลน์
พัชรากร บอกต่อไปอีกว่า กลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทในระยะต่อไปจะเดินหน้าขยายลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในส่วนของในประเทศจะมุ่งเน้นไปที่การทำตลาดออนไลน์ เนื่องจากมองว่าเป็นช่องทางที่มีศักยภาพ รวมถึงสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างทั่วถึงด้วยต้นทุนที่ไม่สูงมากนัก และยังสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วเวลาที่ลูกค้าไม่เข้าใจการใช้งานของผลิตภัณฑ์ หรือการให้คำแนะนำ
อย่างไรก็ดี บริษัทยังจะดำเนินการเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม รวมถึงการให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวผลิตภัณฑ์ และการเข้าไปพบลูกค้าโดยตรง เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าได้เข้ามาใช้ผลิตภัณฑ์มากขึ้น อีกทั้งยังเตรียมจัดตั้งทีมงานทางด้านการขายขึ้นมาโดยเฉพาะ และการรับสมัครตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจะช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทกระจายไปสู่กลุ่มลูกค้าได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งบริษัทยังเตรียมเปิดอบรมวิธีการทำอาหารก่อนที่จะเปิดร้าน เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้าอบรมได้เรียนรู้รูปแบบ และวิธีการใช้งานของผลิตภัณฑ์
“ปัจจุบันผู้บริโภคอยู่บนช่องทางออนไลน์ค่อนข้างมาก สังเกตได้จากพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งส่วนใหญ่จะหยิบจับสมาร์ทโฟนเป็นลำดับแรกเมื่อตื่นนอน หรือตอนที่ว่าง บริษัทจึงจะเดินหน้ารุกตลาดทางด้านดังกล่าวให้เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ผลิตภัณฑ์มีจำหน่ายอยู่แล้วบน ช๊อปปี้ (Shopee) ,ไลน์ ,เพจเฟสบุ๊ก ,ลาซาด้า (Lazada) และเว็บไซด์ ขณะที่การรับจ้างผลิต (OEM) เพื่อให้ลูกค้านำไปสร้างแบรนด์ก็ยังรับทำอย่างต่อเนื่อง”
ขยายตลาดต่างประเทศ
ส่วนของตลาดต่างประเทศนั้น พัชรากร บอกว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการที่เปิดให้บริการร้านอาหารที่ต่างประเทศสนใจผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในโซนแถบประเทศเพื่อนบ้านของไทย เนื่องจากช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการประกอบอาหาร รวมถึงช่วยลดต้นทุนในการประกอบกิจการ และไม่จำเป็นที่จะต้องมีพ่อครัวแม่ครัว หรือเชฟฝีมือดีอยู่ประจำที่ร้าน แต่ยังสามารถควบคุมมาตรฐานของรสชาติอาหารที่จะเสิร์ฟให้กับลูกค้าได้ ที่สำคัญกลุ่มผู้บริโภคจากประเทศเพื่อนบ้านยังชื่นชอบรสชาติของอาหารไทยเป็นพิเศษ
อย่าไรก็ตาม ที่ผ่านมามีผลิตภัณฑ์ของบริษัทถูกนำไปใช้งานแล้วที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย ,กัมพูชา และเมียนมาร์ โดยลูกค้ามาว่าจ้างให้ผลิตเพื่อนำไปใช้ และใส่ชื่อเป็นแบรนด์ของลูกค้าเอง โดยบริษัทจะดำเนินการด้วยรูปแบบของการสร้างแบรนด์ของตนเอง และการ OEM ให้กับลูกค้าที่สนใจควบคู่กันไป ซึ่งในระยะแรกจะเน้นการทำตลาดในส่วนของร้านอาหารไทยต่างประเทศก่อน เพื่อเป็นการศึกษาตลาด และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
“การทำตลาดแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน เพราะผู้บริโภคจะชื่นชอบรสชาติอาหารไม่เหมือนกัน ดังนั้น บริษัทจึงต้องผลิตให้มีรสชาติถูกปากที่สุดสำหรับแต่ละประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างท้าทาย”
ออกผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม
พัชรากร บอกอีกว่า การออกผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง คืออีกหนึ่งกลยุทธ์ที่บริษัทกำลังดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยต้องยอมรับว่าขณะนี้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทยังเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ไม่ทั่วถึง แต่จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้มีจำนวนฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยจะทำให้ปีนี้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 36 ล้านบาท
“จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ปุ้ยเก่ง อยู่ที่การเป็นเครื่องปรุงที่ช่วยทำให้อาหารอร่อยในช้อนเดียว ทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยากเรื่องเครื่องปรุง ซึ่งมาจากการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีมาใช้ในการผลิต ไม่ใช้สารเคมี และไม่สารกันบูด เนื่องจากมองว่าเป็นสิ่งที่ลูกค้าจะต้องรับประทานทุกวัน โดยเรารับประทานอย่างไรลูกค้าจะต้องได้รับประทานแบบนั้น”