วีระยุทธ แคนดิเดตนายกฯ ปชน.โชว์กึ๋น ฟื้นเศรษฐกิจไทยจากโตรั้งท้ายอาเซียน ให้กลับมาเฟื่องฟู
วีระยุทธ แคนดิเดตนายกฯ พรรคประชาชน เสนอเปลี่ยนวิธีคิดนโยบายอุตสาหกรรม–มหภาค ฟื้นเศรษฐกิจไทยจากโตต่ำรั้งท้ายอาเซียนให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง
วันที่ 2 ธันวาคม 2568 ณ โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้รับเชิญไปบรรยายสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในงาน Jiji Top Seminar 2025 ให้แก่ผู้บริหารภาคเอกชนและนักลงทุนชาวญี่ปุ่น ย้ำความจำเป็นในการเปลี่ยนวิธีคิดนโยบายอุตสาหกรรมและมหภาค พร้อมชวนญี่ปุ่นร่วมลงทุนเทคโนโลยีแห่งอนาคต เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมาสดใสอีกครั้ง

นายวีระยุทธได้ฉายภาพทั้งความเข้มแข็ง ศักยภาพ และรากฐานปัญหาเศรษฐกิจไทยที่สั่งสมมาหลายทศวรรษ ตั้งแต่การเปลี่ยนโครงสร้างจากภาคเกษตรสู่ภาคอุตสาหกรรมและบริการที่เกิดขึ้นไม่ต่อเนื่อง รวมถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในยุควิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ที่ทำให้การส่งออกกลายมาเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษกิจไทย จนไทยพึ่งพาการส่งออกถึง 70% ของจีดีพี สูงกว่าจีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ ที่มีสัดส่วนการส่งออกเพียง 20-40% ต่อจีดีพีเท่านั้น
การส่งออกในอัตราที่สูงมากของไทยไม่ได้หมายความว่าเราส่งออกเก่งกว่าจีนหรือญี่ปุ่น แต่เป็นเพราะเศรษฐกิจภายในของไทยอ่อนแอเกินไป ทำให้การส่งออกทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ จนอนาคตของเศรษฐกิจไทยถูกแขวนไว้กับความเปราะบางของสงครามการค้า ตลอดจนความผันผวนของราคาสินค้าในตลาดโลก

ในด้านเศรษฐกิจมหภาค นายวีระยุทธชี้ให้เห็น “รูรั่ว” ของเศรษฐกิจไทย ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2565 เพราะแม้มูลค่าการจับจ่ายใช้สอยจะฟื้นกลับมาหลังโควิด แต่ภาคการผลิตของกลับหดตัวลงไปเรื่อยๆ สวนทางกับการบริโภคซึ่งมีสาเหตุมาจากสินค้านำเข้าที่ทะลักเข้ามาแทนที่สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันในหลายอุตสาหกรรมของไทยที่เริ่มถดถอย ทำให้เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดในการทำนโยบายเศรษฐกิจมหภาคใหม่ด้วย
นายวีระยุทธ ย้ำว่า การเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างภาคการผลิตในไทยไม่ได้แปลว่าเราต้องตัดขาดจากโลก ตรงกันข้าม ไทยต้องเดินหน้าจับมือกับพันธมิตรอย่างญี่ปุ่นเพื่อร่วมลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาอย่างพลังงานไฮโดรเจน รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือ Smart Grid เพื่อผนวกไทยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนเทคโนโยโลยีแห่งอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต้องปรับบทบาทของไทยในภูมิรัฐศาสตร์โลกไปพร้อมกัน


