เปิดทางเลือก-ทองรอด “แพทองธาร”

แพทองธาร จะไปทางไหน ถึงจะรอด
เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา ที่ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง โดยอ้างคลิปเสียงที่พูดคุยกับสมเด็จฮุนเซนนั้น ถือเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ และเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ขัดต่อจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นในรัฐบาลแพทองธารในทันใด ทั้งที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เพิ่งจะได้รับการโปรดเกล้าฯ และกำลังจะเดินหน้าทำงาน
แต่คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ก็เหมือนกับสร้างสุญญากาศทางการเมือง ให้ประชาชนคนไทยต้องคิดว่าการคงอยู่ของรัฐฐบาลนี้ มีความไม่แน่นอนสูงเสียแล้ว
ท่ามกลางมรสุมทางการเมืองรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นในประเทศและนอกประเทศ มีเสียงเรียกร้องให้แพทองธาร แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก หรือไม่ก็ยุบสภา
ถึงวันนี้ทางเลือกของนายกรัฐมนตรีไทย มีอยู่ 3 ทางด้วยกัน ดังนี้

ยื้อเวลาเดินหน้าต่อ
การเดินหน้าต่อเป็นทางเลือกที่แพทองธารตัดสินใจในเวลานี้ ที่จะประคับประคองรัฐบาลภายใต้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ให้ทำงานต่อไป เพราะเวลานี้หากตัดสินใจลาออกหรือยุบสภา ก็ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ที่คะแนนนิยมถึงขั้นตกต่ำขีดสุด
ผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล จัดอันดับให้แพทองธาร อยู่ในลำดับที่ 5 ของผู้ที่มีความนิยมในการจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่าตกลงมามากที่สุด นับตั้งแต่ที่ได้มีการสำรวจมา
ดังนั้นการยุบสภาหรือลาออก จึงไม่ใช่ทางเลือกที่พรรคเพื่อไทยและแพทองธาร จะตัดสินใจในเวลานี้ แต่หากอนาคตรัฐบาลชุดนี้ได้ทำงานและสร้างผลงานเป็นรูปธรรม สร้างความพร้อมอกพอใจให้แก่ประชาชน ก็มีโอกาสที่เพื่อไทยและแพทองธาร จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมา
ลาออก
การลาออก ถึงแม้ไม่ใช่ทางเลือกที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจในวันนี้ แต่อนาคตก็ถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่ง หากเกิดสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น ที่อาจกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้ หากเลือกที่จะตัดสินใจลาออก พรรคเพื่อไทยจะมีการเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติศิริ หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเข้ามารับช่วงต่อ
แม้จะมีปัญหาสุขภาพและอายุมากแล้ว แต่นายเกษม มีความเชี่ยวชาญทางด้านงานกฏหมาย จึงถือว่าเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการใช้นิติสงครามเล่นงานผู้นำที่มาจากพรรคเพื่อไทย กันไม่เว้นแต่ละคน
และหากนายเกษม ได้มีโอกาสขึ้นมาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จริง ก็คงจะเป็นนายกฯชั่วคราว ที่รอโอกาสยุบสภาเลือกตั้งใหม่เท่านั้น

ยุบสภา
สำหรับการยุบสภา หลายคนบอกว่า ไม่แน่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้หรือไม่ก็ต้นปีหน้า
ตอนนี้เป็นจังหวะเวลาที่รัฐบาลกำลังประคับประคองสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้น เพราะหากยุบสภาในเวลานี้ ก็อาจไม่ช่วยให้สถานการณ์ทางการเมือง รวมไปถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชาไม่ดีขึ้นเท่าไหร่
ดังนั้น เป็นไปได้ที่รัฐบาลอาจจะรอจังหวะและเวลา ในการแก้ไขปัญหาต่างๆให้ดีขึ้นกว่านี้เสียก่อน จึงจะเลือกยุบสภาในที่สุด
ซึ่งนั่นก็จะทำให้คะแนนนิยมที่ตกต่ำอยู่ในเวลานี้ของพรรคเพื่อไทย ดีขึ้นกว่าเดิม แล้วแพทองธาร ก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง

ความเสี่ยงพ้นนายกฯ
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของแพทองธาร ในเวลานี้ก็คือ อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นั่นจะทำให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ และอาจจะเกิดการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลก็เป็นได้
