งบปี 68 ยกแรก ฉลุย ภูมิใจไทย คุมเบ็ดเสร็จ 4 กระทรวง 8 แสนล้าน
ศึกอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วงเงิน 3.752 ล้านล้านบาท ยกแรก ผ่านฉลุย ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วยท่วมท้น 311 เสียง
ก่อนเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 68 แปรญัตติ 30 วัน เปิดโอกาสให้ปรับ-ลด โยก-ย้ายเงิน ก่อนลงมติวาระที่สองและวาระที่สาม ภูมิใจนำเสนอกระทรวงของ “พรรคตัวแปร” อันดับ 1 อย่างพรรคภูมิใจไทย ของ เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แม้จะเป็น “พรรค71เสียง” แต่เป็นพรรคที่มี “อำนาจต่อรอง” มากที่สุด ไม่ว่า ขั้วประชาธิปไตย หรือ อนุรักษนิยม ค่ายไหนก็ขาดพรรคภูธร-พรรคบ้านใหญ่ แห่งบุรีรัมย์ไม่ได้
อนุทิน คุม 4 กระทรวงแสนล้าน
เสี่ยหนู-อนุทิน รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 4 หรือ “สร.5” คุม 4 กระทรวง-กระทรวงที่ได้รับงบประมาณปี 68 จำนวนนับแสนล้าน เป็น 4 กระทรวงที่ได้รับงบประมากที่สุด “ติดท็อปเท็น” รวมแล้วทั้งสิ้น 835,513 ล้านบาท ไล่เรียงตั้งแต่ กระทรวงมหาดไทยได้รับงบประมาณจำนวน 294,863 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงบประมาณปี 67 ลดลง 56,732 ล้านบาท กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้รับงบประมาณจำนวน 132,294 ล้านบาท เทียบกับงบประมาณปี 67 เพิ่มขึ้น 4,955 ล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับงบประมาณจำนวน 340,584 ล้านบาท เทียบกับงบประมาณปี 67 เพิ่มขึ้น 12,413 ล้านบาท กระทรวงแรงงาน ได้รับงบประมาณ 67,772 ล้านบาท เทียบกับงบประมาณปี 67 เพิ่มขึ้น 5,623 ล้านบาท
อนุทินยังกำกับ-ติดตามการปฏิบัติราชการในระดับภูมิภาค 3 เขตตรวจราชการ ได้แก่ เขตตรวจราชการที่ 5 กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ประกอบด้วย ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี สงขลา เขตตรวจราชการที่ 13 กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ประกอบด้วย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และเขตตรวจราชการที่ 16 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ ซึ่งจะมีอำนาจในการ “กลั่นกรอง” งบประมาณ “ข้ามกระทรวง” ในการอนุมัติแผนงาน-โครงการให้กับจังหวัดใดในการประชุม “ครม.สัญจร” ที่อยู่ในเขตตรวจราชการในความรับผิดชอบ และยังมี “เงินอุดหนุน” ภายใต้ชื่อ “โครงการเพิ่มขีดสมรรถนะในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรี” เอาไว้ใช้ “เสริมสภาพคล่อง” เมื่อต้องลงพื้นที่เยียวยาประชาชน
มหาดไทย อาวุธหนักทางการเมือง
กระทรวงที่เป็น “อาวุธหนัก” เพิ่มแสนยานุภาพทางการเมืองให้กับพรรคภูมิใจไทยมากที่สุด คงหนีไม่พ้น กระทรวงมหาดไทย เป็นกระทรวงที่พรรคแกนนำรัฐบาลปรารถนามากที่สุด โดยเฉพาะ “สหายใหญ่” แห่งพรรคเพื่อไทย เพราะสามารถคุมกลไกการเมืองท้องถิ่นได้ทั้งกระดาน ไม่ว่าจะเป็น อบต.-อบจ. เทศบาล รวมถึงเครือข่ายกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของ “หัวคะแนน” ที่จะชี้เป็น-ชี้ตายไปถึงการเมืองระดับชาติ โดยในปีงบประมาณ 68 “กระทรวงคลองหลอด” ได้รับงบประมาณไว้ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” จำนวนทั้งสิ้น 294,863 ล้านบาท
โดยมี 6 กรมเกรดเอ กับอีก 1 สำนักงานปลัดกระทรวงอยู่ในกำกับ ได้แก่ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 175,819 ล้านบาท กรมการปกครอง 50,689 ล้านบาท กรมโยธาธิการและผังเมือง 42,151 ล้านบาท กรมที่ดิน 7,505 ล้านบาท กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 6,667 ล้านบาท สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 6,421 ล้านบาท กรมการพัฒนาชุมชน 5,609 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในกำกับของกระทรวงมหาดไทย ได้แก่ การประปานครหลวง ได้รับงบประมาณ 61 ล้านบาท การประปาส่วนภูมิภาค 4,510 ล้านบาท องค์การจัดการน้ำเสีย 1,944 ล้านบาท การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และองค์การตลาด
กระทรวงพี่-กระทรวงน้อง กุมหัวใจการศึกษาไทย
ขณะที่กระทรวงพี่-กระทรวงน้อง กุมหัวใจและอนาคตการศึกษาไทย ที่มี “น้องเนวิน” พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ เป็น “เสมา1” ได้รับงบประมาณ 340,584 ล้านบาท ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 38,279 ล้านบาท กรมส่งเสริมการเรียนรู้ 11,325 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 261,685 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 26,117 ล้านบาท สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 182 ล้านบาท สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1,806 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา 133 ล้านบาท สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา 169 ล้านบาท โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ 350 ล้านบาท สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ 433 ล้านบาท สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา 102 ล้านบาท
ขณะที่กระทรวงน้อง-กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่มี “ศุภมาส อิศรภักดี” เป็นรัฐมนตรีว่าการ ดีดลูกคิดงบประมาณให้กับ 77 มหาวิทยาลัย 7 องค์การมหาชนในกำกับ ได้รับงบประมาณ 132,294 ล้านบาท เช่น สำนักงานปลัดกระทรวง อว. 9,362 ล้านบาท กรมวิทยาศาสตร์บริการ 407 ล้านบาท สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ 587 ล้านบาท สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ 395 ล้านบาท สถาบันวิทยาลัยชุมชน 750 ล้านบาท สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย 261 ล้านบาท สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา 160 ล้านบาท สถาบันเทคโนโลยีจิตรดา 246 ล้านบาท สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 2,209 ล้านบาท สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ 602 ล้านบาท สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ 1,123 ล้านบาท
กระทรวงขวัญใจแรงงาน ขึ้นค่าแรง 3 รอบ
อีกหนึ่งกระทรวงที่เป็น “อาวุธลับ” ให้กับพรรคภูมิใจไทย คือ กระทรวงแรงงาน ที่มี “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นเจ้า “กระทรวงจับกัง” สร้างผลงาน “โบแดง” ขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำไปแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรก ปรับขึ้นอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 54 สาขา ครั้งที่สอง ปรับขึ้นอัตราขั้นต่ำเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 330-370 บาท ทั่วประเทศ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 67 ครั้งที่สาม ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรม เป็น 400 บาท จำนวน 10 จังหวัดท่องเที่ยว มีผลตั้งแต่ 13 เมษายน 67 และล่าสุดการประชุม “ครม.สัญจร” ที่จังหวัดเพชรบุรี ได้ชิงมีมติเห็นชอบปาดหน้า “บอร์ดไตรภาคี” ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันทั่วประเทศ “ดีเดย์” วันที่ 1 ตุลาคมนี้
โดยกระทรวงแรงงาน-กระทรวงขวัญใจคนใช้แรงงาน ได้รับงบประมาณ 67,772 ล้านบาท ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน 1,353 ล้านบาท กรมจัดหางาน 1,195 ล้านบาท กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน 2,000 ล้านบาท กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 1,143 ล้านบาท สำนักงานประกันสังคม 62,014 ล้านบาท สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน 64 ล้านบาท
ภูมิใจไทย-พรรคอันดับ 3 แต่เป็น ตัวแปรอันดับ 1 ที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลขาดไม่ได้ คุมเบ็ดเสร็จ 4 กระทรวงเกรดเอ 8 แสนล้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 18 มิถุนายน ชี้ชะตา 4 คดีใหญ่ เขย่ากระดานการเมือง