สิงคโปร์แซงฮ่องกงขึ้นแท่นศูนย์กลางการเงิน
สิงคโปร์ขึ้นอันดับ 3 ของโลก ในฐานะเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลกรองจากอังกฤษและสหรัฐฯ แซงหน้าฮ่องกงที่ตกรูดมาอยู่อันดับ 4 และอันดับ 5 คือ ญี่ปุ่น
นสพ.สเตรทส์ไทม์สของสิงคโปร์รายงานเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ว่า สิงคโปร์ผงาดแซงหน้าฮ่องกงเขตปกครองพิเศษของจีนขึ้นเป็น “ศูนย์กลางการเงิน” หมายเลข 3 ของโลกจากการสำรวจของบริษัทวิจัย “แซด/เยน กรุ๊ป”(Z/Yen Group) ในกรุงลอนดอนของอังกฤษเมื่อเร็วๆ นี้ โดยทำการสำรวจความคิดเห็นบุคคลสายอาชีพบริการทางการเงิน 2,520 คนทั่วโลก โดยมีกรุงลอนดอน (อังกฤษ) และมหานครนิวยอร์ก (สหรัฐฯ) รั้งอันดับ 1และ2 ตามลำดับ ส่วนอันดับ 4-5 คือ ฮ่องกง และโตเกียว (ญี่ปุ่น)
ผลสำรวจของบริษัทแซด/เยน กรุ๊ป ยังแสดงให้เห็นถึงกระแสความวิตกที่เกี่ยวกับความไม่แน่นอนกรณีมีโอกาสเป็นไปได้ที่อังกฤษจะออกจากการเป็นภาคีสหภาพยุโรป (อียู) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า เบร็กซิต (Brexit) ที่กำลังเป็นผลลบต่อศักยภาพการแข่งขันของกรุงลอนดอนอยู่ในปัจจุบันด้วย และเมื่อดูจากตารางอันดับได้สะท้อนถึงศักยภาพหรือสมรรถภาพในหลายปัจจัยสำคัญรวมทั้งสภาพแวดล้อมของธุรกิจ การพัฒนาปัจจัยทางการเงินและโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์การเงิน 86 แห่งทั่วโลกที่อยู่ในขอบข่ายการสำรวจครั้งนี้ด้วย
มาร์ก เยียนเดิล รองผู้อำนวยการของแซด/เยน กรุ๊ป เผยว่า แม้ลอนดอนกับนิวยอร์กยังเป็นผู้นำในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการเงินโลกแต่ 3 อันดับ ถัดลงมาล้วนอยู่ในภูมิภาคเอเชีย การสำรวจครั้งล่าสุดนี้ ยังพบด้วยว่าศูนย์กลางการเงินฝั่งยุโรปตะวันตก ยังจมปลักอยู่กับความไม่แน่นอน เมื่อศูนย์กลางการเงินแห่งยุโรปตะวันตกทั้ง 29 เมือง มี 12 เมืองที่อันดับเพิ่มขึ้น แต่อีก 17 เมืองกลับอันดับล่วงตกต่ำ
ขณะที่แถบอเมริกาเหนือมีผสมผสานกันไป เมื่อศูนย์กลางการเงินในสหรัฐฯ เช่น นิวยอร์กและกรุงวอชิงตัน ดี.ซี มีอันดับเพิ่มสูงขึ้น แต่เมืองศูนย์กลางการเงินชั้นนำ 3 เมืองในแคนาดากลับมีอันดับลดลง ส่วนในเอเชีย-แปซิฟิก พบว่าศูนย์กลางการเงิน 7ใน10 อันดับแรกของภูมิภาคมีอันดับลดลงในการสำรวจครั้งล่าสุดนี้ แม้สิงคโปร์ กรุงโตเกียวและกรุงปักกิ่ง (จีน) จะอันดับสูงขึ้นเล็กน้อย ส่วนกรุงโซล (เกาหลีใต้) และนครซิดนีย์ (ออสเตรเลีย) เป็น 2 ศูนย์กลางการเงินที่มีอันดับถดถอยมากที่สุดในภูมิภาค.