“เมย์”เตรียมพบผู้นำอียูคุยเบร็กซิทอีก
นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษจะพบกับ Jean – Claude Junker ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปในวันที่ 7 ก.พ. เพื่อ ประชุมหาทางออกให้เบร็กซิทมีการทำข้อตกลงที่ดี
แผนการที่สหราชอาณาจักรจะออกจากอียูในวันที่ 29 มี.ค. ภายใต้การทำข้อตกลงถอนตัวที่ลงนามไปเมื่อปีที่แล้ว ก่อให้เกิด ความข้องใจเมื่อส.ส.อังกฤษปฏิเสธข้อตกลง
ทางอียูกำลังรอนายกฯเมย์ให้มีการร้องขอเพื่อให้มีการประชุมอย่างเป็นทางการ ขณะที่เตือนว่าข้อตกลงไม่ได้อยู่ในขั้นตอนที่จะเปิดการเจรจาได้อีก “ ขณะที่สถานะของคณะกรรมาธิการมีความชัดเจน เรากำลังรอที่จะเห็นถึงสิ่งที่นายกฯเมย์จะพูด” Margaritis Schinas โฆษกของ Juncker กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 5 ก.พ.
ที่ผ่านมา มีการโหวตลงมติอย่างต่อเนื่องในสภาอังกฤษ บนพื้นฐานความเห็นที่ว่านายกรัฐมนตรีจะมาเพื่ออธิบายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรอังกฤษปฏิเสธดีลเบร็กซิทที่นายกฯเมย์ได้มีการเจรจากับอียูมานานเกือบ 2 ปี
โดยในการโหวตย่อย ส.ส.เสียงข้างมากหนุนเธอให้มีการเจรจาใหม่ในส่วนที่มีความขัดแย้งมากที่สุด คือการเปิดพรมแดนกว้างระหว่างไอร์แลนด์เหนือที่อยู่ในสหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกอียู
รัฐบาลของเมย์ต้องพยายามหาความเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้บรรดาส.ส.พอใจ เนื่องจาก ส.ส.กลัวว่า backstop จะทำให้สหราชอาณาจักรผูกติดอยู่กับกฎระเบียบทางการค้าของอียู
จากการยืนยันเรื่องการพูดคุยในวันที่ 7 ก.พ. โฆษกของนายกฯระบุว่า “ คุณสามารถคาดหวังให้เธออัพเดทกับประธานคณะกรรมาธิการอียูในประเด็นที่เกิดขึ้นในบ้าน และหนทางต่อไปภายหน้า”
ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่ไอร์แลนด์เหนือเมื่อวันที่ 5 ก.พ. นายกฯเมย์สัญญาว่าจะหาทางแก้ไขที่จะทำให้พรมแดนไอร์แลนด์เปิดกว้างและคุ้มครองข้อตกลงสันติภาพที่ยุติความรุนแรงนานหลายปีในสหราชอาณาจักร
“ ดิฉันทราบดีว่าประชาชนจำนวนมากในไอร์แลนด์เหนือรู้สึกกังวล” เมย์กล่าว โดยเสริมว่าการเจรจาในนาทีสุดท้าย “ สร้างความวิตกกังวลให้ไอร์แลนด์เหนือและในไอร์แลนด์”
โดยผู้นำอังกฤษจะไปพบ Juncker ที่สำนักงานใหญ่ที่ Berlaymont ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม หนึ่งวันหลังจาก Leo Varadkar นายกรัฐมนตรีของไอร์แลนด์ มีการประชุมกับผู้นำอียู
ทางอียูกล่าวซ้ำๆว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงดีล แต่ Jacek Czaputowicz รมว.ต่างประเทศของโปแลนด์แนะนำว่า อียูควรมีการตกลงในบางเรื่อง “ สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือเบร็กซิทแบบโนดีล และในความเห็นของเรา เราควรทำสิ่งที่เราทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์แย่ๆแบบนั้น ควรมองหาทางแก้ไขร่วมกัน ต้องสร้างสรรค์”