เชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯต่ำสุดในรอบ 2 ปี
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐฯลดดิ่งลงช่วงต้นเดือนม.ค.นี้จนแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อสองปีก่อน เนื่องจากยังมีการชัทดาวน์ของรัฐบาลบางส่วน และตลาดมีความผันผวนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลงอย่างชัดเจน
เมื่อวันที่ 18 ม.ค.มีรายงานความเชื่อมั่นที่ลดลงจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เห็นได้ชัดว่าการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการเงินงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐฯกับเม็กซิโกจำนวน 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลกระทบด้านลบกับเศรษฐกิจ แต่ผู้นำสหรัฐฯหุนนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคด้วยการส่งสัญญาณว่ามีการจ้างงานที่ดี
ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงสูงอยู่ เมฆที่เริ่มก่อตัวขึ้นครอบงำเศรษฐกิจอาจทำให้ครัวเรือนเริ่มระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น นำไปสู่การเติบโตที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคคิดเป็นมากกว่า 2 ใน 3 ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
“ รายงานเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมว่า เศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลง และจะร่วงหนักหากทางวอชิงตันไม่ยุติการชัทดาวน์ ” Chris Rupkey หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ MUFG ในนิวยอร์กระบุ “ เป็นเรื่องยากที่จะเห็นการเติบโตของ GDP มากกว่า 1 – 1.5% ในไตรมาสแรก หากผู้บริโภคยังงดใช้จ่ายซื้อสินค้าต่อไป ”
การชัทดาวน์ของรัฐบาลที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ทำให้ลูกจ้างรัฐบาล 800,000 คนทำงานโดยไม่มีเงินเดือน ผู้รับเหมาเอกชนที่ทำงานกับหน่วยงานของรัฐบาลก็ไม่ได้รับค่าจ้างเช่นกัน
มหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง 7.7% ลงมาอยู่ที่ 90.7% ในเดือนนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2559 เป็นต้นมา และถือเป็นตัวเลขที่ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2558
นักเศรษฐศาสตร์เคยคาดการณ์ว่าตัวเลขจะอยู่ที่ 97.0
การสำรวจสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันวัดได้ว่าลดลงมาอยู่ที่ 110.0 จากที่เคยอ่านได้ 116.1 ในเดือนธ.ค. โดยวัดตัวเลขคาดการณ์การใช้จ่ายของผู้บริโภคได้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 78.3 ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2559 โดยในเดือนธ.ค. 2561 อยู่ที่ 87.0 มหาวิทยาลัยมิชิแกนเชื่อว่าความเชื่อมั่นลดลงเพราะ “มีการชัทดาวน์รัฐบาลบางส่วน ผลกระทบจากมาตรการภาษี ตลาดเงินที่ผันผวน เศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก และการขาดความชัดเจนในนโยบายเศรษฐกิจผลสำรวจอื่นก็แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการผลิตที่พุ่งขึ้นในเดือนธ.ค.จากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ ช่วยลดความกังวลว่าภาคอุตสาหกรรมจะชะลอตัว แม้จะเป็นเพียงระยะสั้นก็ตาม.