ส.ว.ยื้อ ประชามติ ยกร่าง รธน.ใหม่ อ้าง ต้องศึกษาก่อน
ส.ว.ยื้อ ประชามติ รื้อรัฐธรรมนูญ อ้าง ต้องศึกษาให้รอบคอบ
วันที่ 21 พ.ย. 65 การประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วน การพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบผลการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรในญัตติขอให้สภาฯ มีมติส่งเรื่องที่มีเหตุสมควรจะให้มีการออกเสียงประชามติให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการ โดยสมาชิกวุฒิสภาผลัดเปลี่ยนกันอภิปรายต่อญัตติดังกล่าวอย่างกว้างขวาง
ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้เสนอญัตติขอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณากรณีสภาผู้แทนราษฎรมีมติส่งเรื่องที่มีเหตุสมควรจะให้มีการออกเสียงประชามติให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการ เนื่องจากเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติ เป็นการให้ทำประชามติเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับแทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และเพื่อให้วุฒิสภามีข้อมูลและเหตุผลเพียงพอที่จะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ จึงควรให้มีคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาอย่างรอบด้าน ก่อนนำข้อมูลมาเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภา
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายสนับสนุนการตั้งคณะกรรมาธิการฯ ดังกล่าว โดยมองว่า หากวุฒิสภาจะใช้เวลาในการพิจารณาญัตตินี้เพียงไม่นานอาจจะไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญ ควรมีการหารือกันก่อน โดยเฉพาะการที่จะหารือกับคณะรัฐมนตรีที่มีอำนาจในการจัดให้มีการทำประชามติ และจะได้ไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง
ด้าน นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายไม่เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมาธิการฯ มองว่าเป็นการยื้อเวลา เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภามีความรู้ความเข้าใจในรัฐธรรมนูญดีพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมอีก
ทั้งนี้ พล.อ.สิงห์ศึก ในฐานะประธานการประชุม เห็นว่า เมื่อสมาชิกวุฒิสภามีความเห็นแบ่งออก 2 ฝ่าย จึงจำเป็นต้องให้ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติต่อญัตติการขอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการฯ ดังกล่าว โดยที่ประชุม เห็นด้วย 151 เสียง ไม่เห็นด้วย 26 เสียง งดออกเสียง 15 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง ไม่มี โดยให้มีกรรมาธิการ จำนวน 26 คน เป็นตัวแทนมาจากคณะกรรมาธิการสามัญวุฒิสภาแต่ละคณะ มีกรอบพิจารณาศึกษาภายในเวลา 30 วัน