EXIM ชู 2 บริการการเงินรุกตลาด
EXIM BANK คลอด2 ผลิตภัณฑ์การเงินใหม่หนุน SMEs ไทยรุกตลาด CMLV คาดส่งออกทั้งปีมีสิทธิ์แตะ3.5% หากปัญหาสงครามการค้าคลายตัว
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กก.ผจก.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (EXIM BANK) กล่าวถึงโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังกลุ่มประเทศ CMLV (กัมพูชาลาวพม่าและเวียดนาม) ว่ามีความได้เปรียบประเทศคู่แข่งอื่นๆ ตั้งแต่ทำเลที่ตั้งความคล้ายคลึงของขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม รวมถึงความนิยมในสินค้าไทยแม้จะเป็นตลาดใหม่แต่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงอันดับต้นๆของโลกระหว่าง 6-8% ขณะที่มีจำนวนประชากรและแรงงานวัยทำงานเป็นจำนวนมากและมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร
โดยปี’61 มีอัตราการส่งออกสินค้าไทยไปยัง CMLV เติบโต16.6% และคาดว่าปีนี้น่าจะเป็นตัวเลข2 หลักเช่นเดิมซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าทุนเช่นเครื่องจักรและส่วนประกอบเครื่องจักรกลการเกษตรกลุ่มวัตถุดิบ อาทิเคมีเม็ดพลาสติกและรวมถึงกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เช่นเครื่องดื่มอาหารสำเร็จรูปเสื้อผ้าเครื่องสำอางและเครื่องประดับทั้งนี้มูลค่าการส่งออกไปยัง CMLV คิดเป็น11% เมื่อเทียบกับยอดส่งออกทั้งหมดของไทย
นายพิศิษฐ์กล่าวว่าเมื่อโอกาสของสินค้าไทยใน CMLV มีสูงธนาคารฯ จึงออกบริการใหม่ 2 ตัวคือ1.สินเชื่อเอ็กซิมเชื่อมSMEs ไทยสู่ CMLV วงเงินสูงสุด2 ล้านบาทต่อรายอัตราดอกเบี้ย 4.5% และลดอีก 0.5% สำหรับลูกค้าประกันการส่งออกโดยลูกค้ากลุ่มนี้สามารถใช้หนังสือค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) หรือใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน 30% ของสินเชื่อ และ 2.ประกันส่งออก SMEs Easy สำหรับผู้มีแผนจะส่งออกหรือกำลังจะส่งออกที่มีมูลค่าแต่ละครั้งไม่สูงนักหรือกำลังจะไปเจรจาการค้าที่งานแสดงสินค้าในต่างประเทศและต้องการความคุ้มครองความเสี่ยงจากการทำการค้ากับผู้ซื้อในต่างประเทศครอบคลุม140 ประเทศทั่วโลกคุ้มครอง85% ของความเสียหายที่เกิดขึ้น
“เราไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อในโครงการนี้แต่พยายามจะกระจายไปยังSMEs ให้มากที่สุดทั้งนี้อัตราการเติบโตของการส่งออกไปยังกลุ่ม CMLV จะมีมากหรือน้อยกว่าปีก่อนขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างโดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกที่หากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนก็จะส่งผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบเช่นการทุ่มตลาดและตัดราคาสินค้าจากประเทศที่ถูกกีดกันการค้าหรืออาจจะลดจำนวนคู่แข่งลงเพราะส่งสินค้าไปขายทดแทนประเทศที่มีปัญหาระหว่างกัน”
กก.ผจก. EXIM BANK มองว่านอกจากผลกระทบจากสงครามการค้าแล้วยังจะมีปัญหาความผันผวนเรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกและค่าเงินบาทที่อาจส่งผลกระทบทั้งต่อการส่งออกไปยังกลุ่ม CMLV และในตลาดโลกโดยปีที่ผ่านมาไทยส่งออกไปยังตลาดโลกมากกว่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัว 6.6% แต่จากปัญหาข้างต้นเชื่อว่าการส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะอยู่ในช่วง3-4% ทั้งนี้หากปัญหาสงครามการค้าคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นเชื่อว่าน่าจะยังได้เห็นตัวเลขเติบโตที่3.5% โดยเฉพาะการส่งออกในช่วงไตรมาสุดท้ายที่น่าจะกลับขึ้นมาฉุดตัวเลขส่งออกทั้งปี
สำหรับการดำเนินงานช่วง3 เดือนแรกของปีนี้พบว่าธนาคารฯมีกำไรสุทธิ 334 ล้านบาท มีเอ็นพีแอล 4,534 ล้านบาทเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญ 9,631 ล้านบาทโดยเป็นเงินสำรองหนี้พึงกัน 5,293 ล้านบาทขณะที่มีเงินสินเชื่อคงค้าง 106,342 ล้านบาทเพิ่มขึ้น16,653 ล้านบาทหรือ18.57% แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อการค้า35,394 ล้านบาทและสินเชื่อเพื่อการลงทุน70,948 ล้านบาทโดยทำมห้เกิดปริมาณธุรกิจสูงถึง46,735 ล้านบาท
“ส่วนการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยขยายฐานการค้าและการลงทุนไปยังต่างประเทศนั้นธนาคารฯมีวงเงินสินเชื่อราว84,111 ล้านบาทและมีเงินให้สินเชื่อคงค้างณสิน้ามี.ค. 62 จำนวน 40,771 ล้านบาทแบ่งเป็นสินค้าคงค้างที่ขยายฐานการค้าและการลงทุนไปยังกลุ่ม CLMV 29,372 ล้านบาทเพิ่มขึ้น1,512 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนทั้งนี้ธนาคารฯมีสนง.ผู้แทนในกรุงย่างกุ้งเวียงจันทน์และพนมเปญทำงานร่วมกับภาครัฐแบะเอกชนภายใต้ทีมประเทศไทยซึ่งภารกิจสำคัญคือดูแลผลประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการไทย”.