ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 22-23 มิ.ย.2565
วันก่อน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์ว่า ได้เร่งรัดแก้ไขปัญหาสายสื่อสารรุงรัง การก่อสร้างที่ล่าช้า โดยสำนักการโยธา กทม. สั่งหยุดการก่อสร้างชั่วคราว 2 จุด บนถนนวิทยุและถนนสารสิน กรณีโครงการนำสายไฟลงดินแล้วปิดฝาท่อไม่เรียบ มีประชาชนร้องเรียนมา คนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์อาจเกิดอันตรายจากอุบัติเหตุ บางคนเมื่อขับรถผ่านสะเทือนจนภรรยาคลอดก่อนกำหนด มีตัวอย่างให้เห็นแล้วหากแก้ปัญหาไม่ดี จะถูกสั่งหยุดการก่อสร้างชั่วคราว ถ้าแก้ไขไม่ได้ก็ไม่ให้ทำ อำนาจเราคือหยุดการก่อสร้างเพื่อดูแลประชาชน
เรื่องที่ 1,197 ไม่ถึง 24 ชั่วโมง เพจการไฟฟ้านครหลวง MEA โพสต์ข้อความว่า จากกรณีกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีคำสั่งระงับการก่อสร้างโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินของ MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง ในพื้นที่ถนนวิทยุ และถนนสารสิน เป็นระยะเวลา 3 วัน เพื่อให้ปรับปรุงแก้ไขฝาบ่อนั้น MEA ล่าสุดได้เร่งให้ผู้รับเหมาดำเนินการแก้ไขเสร็จสิ้นแล้ว โดยผู้รับเหมาได้ดำเนินการแก้ไขตามรูปแบบถนนพระราม 3 ตามที่ กทม. พิจารณาแล้วว่ามีความเรียบร้อยปลอดภัย โดยปรับเปลี่ยนแบบฝาบ่อพักให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และลดจำนวนฝาบ่อลงเพื่อลดพื้นที่ขรุขระระหว่างรอยต่อฝาบ่อ รวมถึงการเทคอนกรีตเต็มพื้นที่รอบฝาบ่อเพื่อเพิ่มความราบเรียบและสม่ำเสมอ ซึ่งได้ส่งเอกสารรายงานผลการแก้ไขอย่างเป็นทางการให้สำนักการโยธา กทม. พิจารณาเรียบร้อยแล้ว
ในกรณีเช่นนี้ เกิดคำถามต่อชาวโซเชียล ประมาณว่า “ก็ทำได้นิ” แล้วที่ผ่านมา ทำไมไม่ทำ แล้วเหตุใดต้องรอให้ผู้ว่าฯสั่งแล้วค่อยทำ
ที่สำคัญเกิดคำถามขึ้นอีกว่า ก่อนหน้านี้ที่แก้ปัญหาช้า แล้วทำไมวันนี้ปัญหาต่าง ๆ ได้รับการแก้ไขเร็วจัง
เรื่องที่ 1,198 บก.ชวนคุยวันนี้มีทั้งข่าวที่พอจะดีบ้าง กับข่าวที่ไม่ค่อยจะสู้ดี แต่ก็พอรู้มาก่อนแล้วคร่าวๆล่วงหน้า งั้นลำดับแรกจะขอเล่าข่าวที่พอจะดีให้ฟังก่อนเลย หลังจากที่มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล “พี่พงษ์ สุพัฒนพงษ์ พันษ์ พันธุ์มีเชาวน์” เป็นผู้แถลงไข โดยระบุว่า รัฐบาลเตรียมจะต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพให้ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 300 หน่วย จำนวน 20 ล้านหลังคาเรือน ได้รับส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (FT) ซึ่งมาตรการนี้จะสิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค. 2565 นี้ โดยจะพยายามเสนอไปตามขั้นตอน เห็นความพยายามของ “พี่พงษ์” และชาวคณะก็ดีใจกับประชาชนที่จะได้รับผลประโยชน์ และเอาใจช่วยให้ข้อเสนอผ่านฉลุยตามที่หวังนะขอรับ
ส่วนข่าวที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเป็นเรื่องของการพิจารณาค่า FT งวดสุดท้ายของปีนี้ (เดือนก.ย. – ธ.ค. 2565) โดยที่พี่พงษ์พูดชัดว่า แนวโน้มก็คงปรับขึ้น แต่จะปรับเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันได ส่วนจะสูงเท่าไหร่นั้นก็ต้องไปคุยกันอีกที ซึ่งก่อนหน้านี้มีการประเมินกันว่าอาจมีโอกาสปรับสูงขึ้นประมาณ 40 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งความคิดเห็นดังกล่าวก็ตรงกับที่ “คมกฤช ตันตระวาณิชย์” เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า แนวโน้มการปรับค่าเอฟทีงวดสุดท้ายของปีนี้มีโอกาสปรับสูงขึ้นจากประมาณการไว้เดิม ที่คาดว่าจะปรับขึ้นประมาณ 40 สตางค์ต่อหน่วย เพราะฉะนั้นชาวเราก็เตรียมกระเป๋าสตางค์รอได้เลยครับผม
เรื่องที่ 1,199 รู้แล้วหรือยัง ใครอยู่เบี้องหลังสั่งเพิ่มสลากดิจิทัล จาก 5 ล้าน เป็น10 ล้านฉบับ ก็พึ่งทราบความจริง ในวันที่ “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เอ่ยปากชัดถ้อยชัดคำว่า นายกรัฐมนตรีอยากผลักดันเรื่องนี้ หลังจากสลากดิจิทัล 5 ล้านฉบับ จำหน่ายหมดลงอย่างรวดเร็วในช่วง 2 งวด ที่ผ่านมา จึงไม่น่าแปลกใจ ถ้าเห็นคนสำนักงานสลาก ทำงานเต็มสูบ หวังโชว์ผลงานให้ “บิ๊กตู่” ประจักษ์ว่า เราทำได้ ทำทันที
ด้าน “เสธหนุน-พันโทหนุน ศันสนาคม” ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็พูดชัด ไม่เคยกลัวผู้ค้ารายย่อย แต่ต้องการแจ้งเกิดสลากดิจิทัล เพื่อสร้างความสมดุล ระหว่างสลากใบกับที่ซื้อผ่านแอปฯ เป๋าตัง การเพิ่มสลากดิจิทัลเป็น 10 หรือ 20 ล้านใบไม่ใช่ประเด็น เพราะสิ่งที่เราแก้ไข คือทำอย่างไรให้สลากที่ขายตามท้องถนน ปรับราคาลงมาเหลือฉบับละ 80 บาท ไม่ใช่แพงสุดโต่งอย่างที่เป็นในปัจจุบัน ดังนั้น สลากจึงใช้วิธีทยอยเพิ่ม เพื่อรักษาความสมดุล ดีกว่าทำแล้วไม่สำเร็จ นี่แหละความจริง!!!
เรื่องที่ 1,200 นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลตัวเลขอสังหาริมทรัพย์ ออกมาเผยความจริง หาก กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปีนี้ ยังไม่กระทบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถ้าหากปรับเพิ่มขึ้น 2 ครั้ง รวมเป็น 0.50% ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบาย ของกนง. ขึ้นมาเป็น 1% ก็น่าจะยังไม่มีผลกระทบต่ออสังหาริมทรัพย์ แต่ถ้าหากปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 3 รวมเป็น 1.25% เมื่อไหร่คงมีผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาผลกระทบจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าที่สูงขึ้น มีผลต่อต้นทุนการก่อสร้างบ้านไปแล้ว ทำให้บ้านราคาแพงขึ้น แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการ และผู้ที่ผ่อนบ้านยังทนได้ เนื่องจากเงินงวดที่ธนาคารรับชำระจากลูกค้า รองรับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นเอาไว้ 1% หาก กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ยังขยายตัวดีกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน
โดยนพวัชร์