เนสท์เล่ซื้อกาแฟสตาร์บัคส์ขายทั่วโลก
เนสท์เล่ – บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลกสัญชาติสวิส จะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้สตาร์บัคส์เพื่อขายกาแฟและชาสำเร็จรูปแบรนด์สตาร์บัคส์ทั่วโลกมูลค่า 7,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 228,800 ล้านบาท โดยบริษัทมุ่งเพิ่มแบรนด์พรีเมียมเพื่อขยายฐานตลาดผู้บริโภค
โดยการประกาศข้อตกลงเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ทำให้สตาร์บัคส์มีเงินทุนหมุนเวียนคร่าวๆ ประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 64,000 ล้านบาท จากการขายกาแฟสำเร็จรูปและชา Teavana และผลิตภัณฑ์อื่นๆให้เนสท์เล่เพื่อไปวางขายในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกอื่นๆ รวมถึงในประเทศจีนด้วย
การเป็นพันธมิตรกับเนสท์เล่ครั้งนี้ ทำให้สตาร์บัคส์สามารถทุ่มเทให้กับธุรกิจร้านกาแฟได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากธุรกิจมีการแข่งขันที่ดุเดือดจากเชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดและร้านกาแฟที่ขยายขนาดขึ้นมาขณะที่สตาร์บัคส์ก็ผุดร้านขึ้นอย่างรวดเร็วในจีน
ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงกาแฟแคปซูลแบรนด์สตาร์บัคส์สำหรับเครื่องชงกาแฟแคปซูล Nespresso และ Dolce Gusto ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นและหนุนยอดขายให้เนส์เล่อย่างครบวงจร
ทางเนสท์เล่คาดว่า การเป็นพันธมิตรกันจะช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัทภายในปี 2562 นอกจากการจ่ายเป็นเงินสดแล้ว สตาร์บัคส์จะได้รับรายได้จากการขายสินค้าและค่าลิขสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง
“ การเป็นพันธมิตรจะช่วยนำประสบการณ์แบรนด์สตาร์บัคส์สู่บ้านของผู้คนนับล้านทั่วโลกผ่านการจัดจำหน่ายและชื่อเสียงของเนสท์เล่ ” Kevin Johnson ซีอีโอสตาร์บัคส์มองข้อตกลงว่าเป็นการขยายการรับรู้แบรนด์ให้กว้างขวางขึ้น
“ ต้องใช้เงินทุนและเวลามากเพื่อสร้างตลาดนอกสหรัฐฯ ” John Culver ประธานกลุ่มพัฒนาช่องทางและต่างประเทศของสตาร์บัคส์กล่าวในการคุยกับนักวิเคราะห์
Mark Schneider ซีอีโอเนสท์เล่มองว่ากาแฟเป็นกลยุทธ์สำคัญ เขาจึงพยายามจะโน้มน้าวผู้ถือหุ้นที่เจรจาไม่ง่ายนัก รวมทั้งนักเคลื่อนไหว Third Point เพื่อให้เขาสามารถหนุนผลประกอบการของกลุ่มบริษัทได้
“ ดีลทั้งหมดนี้เพื่อการเติบโต ” Schneider กล่าวกับนักวิเคราะห์
โดยเขากล่าวว่า การเป็นพันธมิตรจะช่วยหนุนยอดขายเนสท์เล่ในตลาดอเมริกาเหนือและส่งผลดีต่อสตาร์บัคส์ในจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดเป็นดับสองของเนสท์เล่
กาแฟเป็นที่นิยมของผู้บริโภครุ่นใหม่ซึ่งเติบโตมาพร้อมกับร้านกาแฟสตาร์บัคส์และพร้อมจ่ายสำหรับเมล็ดกาแฟที่แตกต่างและมีความพิเศษ ซึ่งส่งผลให้กลายมาเป็นกำไรในตลาดกาแฟสำเร็จรูปในกระแสหลัก
ข้อตกลงนี้จะช่วยทำให้แบรนด์เนสท์เล่แข็งแกร่งขึ้นในสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบัน เนสท์เล่อยู่อันดับ 5 ด้วยส่วนแบ่งในตลาดน้อยกว่า 5% ขณะที่สตาร์บัคส์เป็นผู้นำในตลาดด้วยส่วนแบ่ง 14% ในตลาด อ้างอิงจากข้อมูลของ Euromonitor International
นอกจากนี้ จากเงื่อนไขในข้อตกลง เนสท์เล่จะรับพนักงานสตาร์บัคส์เข้ามาร่วมทำงานด้วยประมาณ 500 คน และจะไม่ซื้อทรัพย์สินในอุตสาหกรรมใดๆ