หุ้นเฟซบุ๊กฟื้นหลังนักลงทุนเชื่อมาร์ค
หุ้นของบริษัทเฟซบุ๊กปรับเพิ่มขึ้น 4.2% เมื่อวันที่ 5 เม.ย. หลังจากซีอีโอมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กระบุว่า เฟซบุ๊กไม่เห็นผลกระทบอย่างชัดเจนจากข่าวฉาวเรื่องการละเมิดข้อมูลส่วนตัว ทั้งในด้านการใช้งาน หรือยอดโฆษณา
หุ้นของบริษัทลดดิ่งลงไปถึง 16% ทำให้มูลค่าบริษัทในตลาดหายไปกว่า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.50 ล้านล้านบาท
หลังวันที่ 16 มี.ค.เมื่อสื่อนิวยอร์กไทม์ และหนังสือพิมพ์ Observer ของอังกฤษรายงานข่าวว่า บริษัทที่ปรึกษาการเมือง Cambridge Analytica ใช้ประโยชน์จากข้อมูลผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก
ข่าวฉาวเรื่องข้อมูลรั่ว ทำให้การติดแฮชแท็ก #DeleteFacebook กลายเป็นเทรนด์บนทวิตเตอร์ โดยบรรดาคนดังหลายคน ทั้งนักร้องสาว-แชร์ นักแสดง – วิลล์ ฟาร์เรล และอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเทสลา ต่างพากันลบบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กของตัวเองทิ้ง แต่จากข้อมูลนักวิเคราะห์ของ Evercore ISI ยืนยันถึงคำกล่าวอ้างของซัคเคอร์เบิร์กว่า เฟซบุ๊กยังคงเป็น 4 อันดับแรกของแอปพลิเคชันที่คนส่วนใหญ่ดาวน์โหลดมากที่สุดทั่วโลกในเดือนมี.ค.จากจำนวนมากกว่า 40 แอปพลิเคชันในแอนดรอยด์และ iOS แอปสโตร์
นอกจากนี้ ยอดดาวน์โหลดเฟซบุ๊กปรับเพิ่มขึ้นในเดือนมี.ค.ทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก อ้างอิงจากข้อมูล โดยเฟซบุ๊กมีตัวเลขการดาวน์โหลดที่เติบโต 33.2% ในเดือนมี.ค.จากเดิม 30.1%
นักวิเคราะห์หลายรายจากวอลล์สตรีทกล่าวว่า หุ้นที่ลดลงแสดงถึงโอกาสที่ดีที่จะได้ซื้อหุ้นเฟซบุ๊ก หลังจากก่อนหน้านี้หุ้นเฟซบุ๊กพุ่งทะยานสูงมาก แต่พวกเขาเตือนว่า ส่วนใหญ่ยังขึ้นอยู่กับการเข้าให้การต่อหน้าสภาคองเกรสของซัคเคอร์เบิร์กในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ระบบเกษียณอายุของครูในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือหุ้นเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเฟซบุ๊กในปีที่แล้ว ได้ระบุเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ว่า ได้ถามไปยังบริษัทเกี่ยวกับการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
Sheryl Sandberg ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อบลูมเบิร์กเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ว่า มีลูกค้าลงโฆษณาไม่กี่รายที่ขอระงับการลงโฆษณาเนื่องจากกังวลเรื่องผลกระทบจากข่าวฉาว แต่บริษัทได้มีการพูดคุยเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจถึงระบบการปกป้องความเป็นส่วนตัวของบริษัท
โดยเธอยังกล่าวว่า เครื่องมือที่ยอมให้นักวิจัยคนคนต้นเรื่องข่าวฉาวเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งานถึง 87 ล้านคนนั้น ปฏิบัติถูกต้องตามข้อตกลงด้านความเป็นส่วนตัวที่บริษัทลงนามกับคณะกรรมการการค้ากลางสหรัฐฯ (FTC) ในปี 2554 เธอออกความเห็นเรื่องนี้หลังจากมีรายงานว่า FTC กำลังสอบสวนประเด็นการละเมิดข้อตกลงซึ่งต้องการให้ผู้ใช้งานรับรู้ก่อนที่จะมีการแชร์ข้อมูลของพวกเขา
“ ชัดเจนว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยเรื่อง Cambridge Analytica เราเชื่อว่าเฟซบุ๊กกำลังทำงานในเชิงรุกเพื่อกระชับการควบคุมเรื่องความเป็นส่วนตัวให้เข้มงวดขึ้น และเพิ่มระดับความโปร่งใสในการทำงานของบริษัท ” Ken Sena นักวิเคราะห์จาก Well Fargo กล่าว
โดย Sandberg ให้สัมภาษณ์ว่า “ เราไม่เพียงเปิดกว้างกับกฎระเบียบ แต่เรากำลังจะทำมากกว่านั้น ” เฟซบุ๊กได้สร้างเครื่องมือถ่ายทอดสดก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ครั้งหน้าและจะแสดงรายละเอียดว่าใครเป็นผู้จ่ายโฆษณาที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและสถิติประชากรของผู้ชม.