“ปูติน”ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในวันที่ 18 มี.ค. ซึ่งจะทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไปได้อีกอย่างน้อย 6 ปี
โดยประธานาธิบดีปูติน ซึ่งบริหารประเทศรัสเซียมานานเกือบสองทศวรรษ ได้คะแนนเสียงสนับสนุนมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้คือมากกว่า 76% แต่ฝ่ายค้านโวยว่ามีการโกงการเลือกตั้ง มีรายงานความผิดปกติจากหน่วยเลือกตั้งในหลายรูปแบบ รวมถึงการขนคนขึ้นรถบัสมาลงคะแนนเป็นหมู่คณะด้วย
ผู้นำรัสเซียมีคู่ค่อสู้ที่ลงเลือกตั้งแข่งกับเขาในครั้งนี้อีก 7 คน แต่ Alexei Navalny แกนนำประท้วงต่อต้านรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งเป็นคู่แข่งรายสำคัญถูกขัดขวางไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยเหตุผลทางกฎหมาย ทำให้เขาชนะการเลือกตั้งอย่างไร้ข้อกังขา
“ผมมองเห็นความเชื่อมั่นและความหวังของประชาชนของเราในผลการเลือกตั้งครั้งนี้” ประธานาธิบดีปูตินกล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนเขาที่จตุรัสในเครมลิน หลังจากผลเอ็กซิทโพลล์ชี้ว่า เขาได้รับชัยชนะอย่างขาดลอย
อ้างอิงจากข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้งส่วนกลาง ด้วยผลการนับคะแนนไปแล้ว 90% ปูตินได้เสียงสนับสนุนไปมากถึง 76.4% ทิ้งห่างคู่แข่งคนอื่นอย่าง Pavel Grudinin จากพรรคคอมมิวนิสต์ที่ทำได้ดีที่สุดคือ 12% เท่านั้น
การเลือกตั้งในรัสเซียมีขึ้นในช่วงที่ประเทศถูกโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้นจากประชาคมโลก จากเหตุการณ์ที่อดีตสายลับสองหน้าชาวรัสเซียและลูกสาวของเขาถูกยาพิษในอังกฤษ รวมถึงการคว่ำบาตรรอบใหม่ของสหรัฐฯ
นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2543 ปูตินกลายเป็นศุนย์กลางอำนาจในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กำจัดฝ่ายตรงข้าม ยึดสถานีโทรทัศน์มาอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ และย้ำถึงจุดยืนที่ชัดเจนของรัสเซียกับต่างประเทศ
อดีตเจ้าหน้าที่ KGB วัย 65 ปีผู้นี้ใช้แคมเปญในการหาเสียงเพื่อเน้นถึงบทบาทของรัสเซียในฐานะมหาอำนาจสำคัญอีกประเทศหนึ่งในโลก โดยมีการคุยโวถึงอาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งยากจะทำลายลงได้ด้วย
คนส่วนใหญ่ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ AFP กล่าวว่า เขาลงคะแนนให้ปูติน โดยชื่นชมเขาที่สามารถฟื้นฟูเสถียรภาพและความภาคภูมิใจให้กับประเทศได้ หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
“แน่นอน ผมโหวตให้ปูติน เขาเป็นผู้นำ” Olga Matyunina นักเศรษฐศาสตร์วัย 65 ปีกล่าว “หลังจากเขานำแคว้นไครเมียกลับมารวมได้ เขาก็เป็นฮีโร่ของผม”
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.เป็นวันครบรอบ 4 ปีนับตั้งแต่ประธานาธิบดีปูตินลงนามในสนธิสัญญาที่ประกาศให้แคว้นไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่รัสเซียเคยพยายามจะรุกคืบเข้าไปในยูเครนตะวันออก และกลายเป็นเหตุการณ์ความขัดแย้งรุนแรงที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10,000 ราย
ก่อนหน้าการเลือกตั้ง เกิดเหตุร้ายที่อดีตสายลับรัสเซียผู้แปรพักตร์และลูกสาวถูกยาพิษในสหราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์จึงสั่งขับไล่นักการทูตรัสเซีย 23 คนออกนอกประเทศเพื่อเป็นการตอบโต้ พร้อมออกแถลงการณ์กับชาติตะวันตกเพื่อประณามรัสเซีย เพราะสารพิษทำลายประสาท Novichok นั้นรัสเซียเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา ซึ่งเป็นอาวุธเคมีที่ร้ายแรงจนทำให้เสียชีวิตได้
ในการดำรงตำแหน่งสมัยที่ผ่านมาของเขา มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งการที่เขาสั่งปราบปรามฝ่ายค้านหลังเกิดการประท้วงรัฐบาลครั้งใหญ่ มีเหตุการณ์ความขัดแย้งกับยูเครน การส่งกองทัพเข้าไปแทรกแซงในซีเรีย และรัสเซียถูกคว่ำบาตรจากประเทศตะวันตกมากยิ่งขึ้นทำให้มาตรฐานการดำรงชีวิตของประชาชนตกต่ำลง.