อเมซอนจับกลุ่มลูกค้าไม่มีบัตรเครดิต
อเมซอนกำลังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยกับสถาบันการเงิน รวมทั้ง J.P.Morgan Chase เพื่อช่วยในการออกระบบตรวจสอบที่คล้ายการตรวจสอบบัญชีธนาคาร เพื่อมุ่งจับกลุ่มลูกค้าอายุน้อยและลูกค้าที่ไม่มีบัญชีธนาคาร The Wall Street Journal รายงานเมื่อวันที่ 5 มี.ค.
นี่เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดจากยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซเพื่อแก้ปัญหาการไม่มีบัตรเครดิต ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่สกัดกั้นไม่ให้หลายคนสามารถช้อปสินค้าออนไลน์อย่างที่ต้องการได้
มากกว่า 1 ใน 4 ของครัวเรือนในสหรัฐฯ ไม่มี หรือถูกจำกัดการเข้าถึงการตรวจสอบและบัญชีออมทรัพย์ในธนาคาร ซึ่งคนกลุ่มนี้จัดเป็น ผู้ไม่มีบัญชีธนาคาร และกลุ่มที่มีบัญชีธนาคาร แต่นิยมใช้เงินสด หรือเช็คเงินสดในการซื้อสินค้ามากกว่า ซึ่งทำให้การซื้อสินค้าออนไลน์เป็นเรื่องยาก
แต่การไม่มีบัญชีธนาคารไม่ได้แปลว่า จะติดต่อเชื่อมโยงไม่ได้ เพราะประมาณ 6 ใน 10 ของผู้บริโภคที่ไม่มีบัญชีธนาคารมีสมาร์ทโฟนใช้งาน อ้างอิงจาก Pew Charitable Trusts
สำหรับอเมซอน กลุ่มนักช้อปนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่จำนวนสมาชิก Prime หน้าใหม่ไม่กระเตื้องขึ้นในไตรมาส 3 ของปี 2560 อ้างอิงจากนักวิเคราะห์ที่ Morgan Stanley โดยผลสำรวจอีกชิ้นที่จัดทำโดย Piper Jaffray ในเดือนมิ.ย.ระบุว่า 82% ของครัวเรือนสหรัฐฯที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 112,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3.53 ล้านบาท เป็นสมาชิก Prime แล้ว แต่การจับจ่ายใช้สอยกลับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มที่มีรายได้น้อยกว่า 41,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.29 ล้านบาท ต่อปี
ขณะเดียวกัน กลุ่มมิลเลนเนียลมีแนวโน้มที่จะเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตมากขึ้น เพราะพวกเขาไม่เชื่อถือในสถาบันการเงินเท่าแต่ก่อน โดย 33% ของประชากรกลุ่มมิลเลนเนียลระบุว่า พวกเขาคงไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคารในอีก 5 ปีข้างหน้า อ้างอิงจากรายงานของปี 2558 โดย Goldman Sachs
บริษัทค้าปลีกออนไลน์ทำเงินได้มากขึ้นจากนักช้อปที่ซื้อของซ้ำๆ (แม้จะมีราคาไม่กี่ดอลลาร์ก็ตาม) มากกว่าขาช้อปที่ใช้เงินมากในการซื้อของครั้งเดียว ก่อนหน้านี้ อเมซอนชะลอการสร้างฐานสินค้าเพื่อผู้ซื้อที่มีรายได้ต่ำลงมา แต่ในฤดูร้อนที่ผ่านมา อเมซอนเปิดตัวบริการ Prime ลดราคาเพื่อรองรับประชากรกลุ่มที่เข้าโครงการช่วยเหลือทางโภชนาการของรัฐบาล หรือที่รู้จักกันในชื่อ โครงการแสตมป์อาหาร ด้วยการใช้บัตร EBT โดยบัตรอิเล็กทรอนิกส์ใบนี้สามารถทำประโยชน์ได้มากกว่าบัตรเดบิตหลายอย่าง
นอกจากนี้ บริษัทเป็นพันธมิตรกับร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ซึงจัดเตรียม ‘ล็อคเกอร์’ เพื่อรองรับระบบบริการขนส่งจากอเมซอน ทำให้ลูกค้าสามารถมารับสินค้าที่สั่งซื้อกับอเมซอนได้ที่ร้าน 7-Eleven ใกล้บ้าน
ในเดือนพ.ย.ปี 2560 บริษัทประกาศว่า ผู้ซื้อที่ร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศ สามารถจ่ายเงินซื้อสินค้าราคา 15 -500 ดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าบัญชีของอเมซอนผ่านระบบ ‘Amazon Cash’ ทำให้ขาช้อปสามารถใช้เงินสดซื้อของจากอเมซอนได้ เนื่องจากประชากรสหรัฐฯ เกือบครึ่งอยู่อาศัยห่างจากร้าน 7-Eleven ไม่ถึงไมล์
โดยอเมซอนยังได้เปิดตัวโปรแกรมแบบเดียวกันนี้กับ CVS, Speedway, Sheetz และร้านอื่นๆ ด้วย.