หุ้นตกล่าสุด เศรษฐีสูญเงินมหาศาล
เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ในสหรัฐฯ ดิ่งร่วงครั้งมโหฬาร โดยร่วงลงมาเกือบ 1,600 จุด ทุบสถิติกลายเป็นวันเดียวที่หุ้นตกลงมามากที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนัก มหาเศรษฐีระดับโลกย่อมถูกกระทบอย่างหนักเช่นกัน
โดยทรัพย์สินจากการถือครองหุ้นของมหาเศรษฐีอย่างบิล เกตส์ และวอร์เรน บัฟเฟตต์ร่วงลงอย่างรุนแรงในวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยทางสื่อบลูมเบิร์กพบว่า บัฟเฟตต์สูญเงินจากตลาดหุ้นมากถึง 5,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 161,772 ล้านบาท ทำให้ตอนนี้ บัฟเฟตต์มีทรัพย์สินสุทธิมูลค่า 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.69 ล้านล้านบาท
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊กก็ประสบกับการสูญเสียทรัพย์สินครั้งใหญ่เช่นกัน โดยเขาสูญเงินจากตลาดหุ้นถึง 3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 114,192 ล้านบาท ขณะที่มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลกตอนนี้อย่างเจฟฟ์ เบซอส ซีอีโอของอเมซอน ก็เจอกับมรสุมหุ้นที่ดิ่งร่วงลงไปจนทำให้เขาต้องสูญเงินมากถึง 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 104,676 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 116,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3.67 ล้านล้านบาท
มหาเศรษฐีตลอดกาลอย่างบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ก็สูญเงินถึง 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 69,784 ล้านบาท ขณะที่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Zara อย่าง Amancio Ortega ต้องสูญทรัพย์สินถึง 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 38,064 ล้านบาท อ้างอิงจากดัชนี โดยตัวเลขดัชนีมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์กจะอัพเดทในช่วงปิดการซื้อขายของตลาดหุ้นนิวยอร์กทุกวัน
โดยรวมแล้ว มีมหาเศรษฐีระดับโลกถึง 18 คนที่ต้องสูญเงินมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา อ้างอิงจากข้อมูลของบลูมเบิร์ก
อย่างไรก็ตาม มหาเศรษฐีบางคนคงไม่รู้สึกเสียใจอะไรมากมายจากพิษของตลาดหุ้นในวันที่ 5 ก.พ.เนื่องจากพวกเขาบริจาคเงินให้การกุศลตลอดเวลา ซึ่งอาจจะเท่ากับที่พวกเขาเสียไป หรือมากกว่าในปี 2560 ที่ผ่านมา
รายงานล่าสุดที่รวบรวมโดย Chronicle of Philanthropy เผยว่า มูลค่าเงินบริจาคให้การกุศลของ 50 ผู้บริจาครายใหญ่เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในปี 2560 โดยพุ่งทะยานขึ้นเป็น 14,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (466,284 ล้านบาท) จากเดิม 5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (177,632 ล้านบาท) ในปี 2559 นี่แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ที่บรรดาคนร่ำรวยก็ยังคงรวยล้นฟ้าอยู่ดี สื่อ CNBC รายงาน
โดยนำโด่งมาในรายชื่อมหาเศรษฐีผู้ใจบุญที่สุดคือ บิลและเมลินดา เกตส์ ด้วยการบริจาคให้มูลนิธิในชื่อเดียวกับพวกเขาที่มากถึง 4,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 152,256 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าสองเท่าจากที่เขาสูญไปในตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 5 ก.พ.
ซัคเคอร์เบิร์กและภรรยา-พริสซิลลา ชาน ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยการบริจาคจำนวน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 63,440 ล้านบาท มากกว่าครึ่งเล็กน้อยจากที่เขาเสียไปในตลาดหุ้นครั้งนี้
ในเดือนก.ค.ปีที่แล้ว บัฟเฟตต์กลายเป็นข่าวพาดหัวเมื่อเขารายงานการบริจาคหุ้น Class B ของ Berkshire Hathaway จำนวน 18.6 ล้านหุ้นที่มีมูลค่าถึง 3,170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (100,552 ล้านบาท) ให้กับมูลนิธิต่างๆ ถึง 5 แห่ง ซึ่งก็เป็นจำนวนมากกว่าครึ่งจากที่เขาสูญไปเมื่อวันที่ 5 ก.พ.เช่นกัน
ทั้งนี้ มหาเศรษฐีบัฟเฟตต์เคยกล่าวกับสื่อ CNBC ก่อนหน้านี้ว่า “ อย่าจับตามองตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิดเกินไป ถ้าเราพยายามจะซื้อและขายหุ้น รู้สึกกังวลเมื่อหุ้นตกลงมาเล็กน้อย และคิดว่าควรจะขายเมื่อหุ้นขึ้น มันก็จะไม่มีผลลัพธ์ที่ดีนักหรอก ”