คาดโสมแดงอาจแฮกเงินดิจิทัล
สำนักข่าวกรองของเกาหลีใต้ชีแจงกับส.ส.ว่า แฮกเกอร์เกาหลีเหนืออาจอยู่เบื้องหลังการขโมยเงินดิจิทัลสกุล NEM มูลค่า 530 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากบริษัทซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลในญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้ว แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันที่ 6 ก.พ.
โดยแหล่งข่าว ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับกระบวนการของคณะกรรมการสอบสวนกลางของสภาผู้แทนราษฎรกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า สำนักข่าวกรองของเกาหลีใต้ไม่ได้แสดงหลักฐานอย่างชัดเจนว่า แฮกเกอร์เกาหลีเหนือเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการขโมยเงินดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นี้ แต่ฟันธงว่ามีความเป็นไปได้
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. สื่อท้องถิ่นรายงานว่าสำนักข่าวกรองกล่าวกับคณะกรรมการสอบสวนกลางของสภาว่า มีความเป็นไปได้ว่าแฮกเกอร์เกาหลีเหนืออาจเป็นผู้ลงมือแฮกบัญชีของ Coincheck ซึ่งเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลรายใหญ่ในกรุงโตเกียว
แหล่งข่าวคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อรอยเตอร์ว่า สำนักงานข่าวกรองระบุว่า “ เป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะอยู่เบื้องหลังการแฮกครั้งนี้ ”
และยังกล่าวต่อว่า ตลาดเงินเสมือนจริงยังคงเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือจากมูลค่าและกฎข้อบังคับที่หละหลวม แต่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเป็นฝีมือของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือจริง
เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา Coincheck ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ค้าเงินดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ระบุว่าเงินดิจิทัลสกุล NEM มุลค่า 58,000 ล้านเยน หรือราว 17,144 ล้านบาท ถูกแฮกไป และจะคืนเงินจำนวน 46,300 ล้านเยนให้กับนักลงทุนที่สูญเสียเงินลงทุน
ขณะที่แหล่งข่าวอีกคนหนึ่งกล่าวกับสื่อรอยเตอร์ว่า “ เป็นไปได้ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจน ” ว่าเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังการขโมยเงินครั้งนี้ โดยแหล่งข่าวทั้งสองคนที่ให้ข่าวกับรอยเตอร์ปฏิเสธที่จะเปิดเผยนามเนื่องจากเป็นประเด็นที่อ่อนไหว และโฆษกของสำนักข่าวกรองก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น
รายงานข่าวนี้เป็นการย้ำถึงการคาดเดาก่อนหน้านี้ว่าเกาหลีเหนือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ โดยสหรัฐฯ เคยกล่าวโทษต่อสาธารณะว่า แฮกเกอร์เกาหลีเหนือเป็นผู้ลงมือในการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ด้วยมัลแวร์ WannaCry ที่สร้างความเสียหายให้กับโรงพยาบาล ธนาคาร และอีกหลายบริษัททั่วโลกในปี 2560 ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ส.ส.เกาหลีใต้แถลงว่า เกาหลีเหนือต้องรับผิดชอบกับเงินที่ขโมยไปจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์จากผู้ค้าเงินดิจิทัลในท้องถิ่นในปี 2560
“ เกาหลีเหนือส่งอีเมลที่อาจแฮกเข้าไปในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าและขโมย (เงินดิจิทัล) มูลค่าหลายพันล้านวอนไป ” คิมบยองกี สมาชิกของคณะกรรมการสอบสวนกลางของสภาระบุเมื่อวันที่ 5 ก.พ.แต่เขาไม่ได้เปิดเผยว่า บริษัทแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลแห่งใดที่ถูกแฮก
เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ทางการญี่ปุ่นบุกเข้าตรวจค้นสำนักงานของ Coincheck เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานและหาหลักฐานเพิ่ม และขอให้ทาง Coincheck แก้ไขความผิดพลาดของโครงข่ายคอมพิวเตอร์
โยชิฮิเดะ ซูกะ หัวหน้าเลขานุการคณะรัฐมนตรีระบุเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ว่า ญี่ปุ่นกำลังรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลความสามารถในการโจมตีไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ แต่ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นผลการวิเคราะห์อย่างเฉพาะเจาะจง.