ภาคบริการสหรัฐฯโตสุดเดือนม.ค.
ภาคบริการของสหรัฐฯมีการขยายตัวเติบโตสูงที่สุดในเดือนม.ค. ฟื้นตัวขึ้นมาหลังจากชะลอตัวอยู่นาน 2 เดือนต่อเนื่อง อ้างอิงจากผลการสำรวจทางธุรกิจในวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา
การเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์จัดว่าเป็นเดือนที่ 96 ที่มีการขยายตัวและถูกขับเคลื่อนให้ยิ่งเติบโตขึ้นจากออร์เดอร์ใหม่และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น แต่ราคาก็ปรับขึ้นตามไปด้วย อ้างอิงจาก Institute for Supply Management (ISM)
โดยดัชนีรายเดือนของ ISM ที่ไม่ใช่ภาคการผลิตพุ่งขึ้น 3.9 จุดเป็น 59.9% เป็นการปรับตามฤดูกาล ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจมาในปี 2551 สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ที่มีตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยอยู่ที่ 56.7% โดยตัวเลขที่สูงกว่า 50% ชี้ว่ามีการขยายตัวเติบโต
Anthony Nieves ประธานคณะกรรมการจัดทำการสำรวจในภาคที่ไม่ใช่การผลิตให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตามปกติแล้ว การเติบโตในภาคบริการมักจะเห็นได้ชัดเจนในเดือนก.พ.
“ สัญญานชี้วัดมาเร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ประมาณ 1 เดือนในปีใหม่นี้” เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
หัวใจของเศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งในเดือนม.ค. จากความเชื่อมั่นของหลายบริษัทในภาคส่วนธุรกิจสำคัญ
ดัชนีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 8.2 จุดเป็น 62.7% ขณะที่ดัชนีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 5.3 จุดมาอยู่ที่ 61.6%
ตัวเลขการส่งออกเติบโตขึ้นทั้งภาคส่วน โดยอุตสาหกรรมได้ประโยชน์จากการเติบโตที่สอดคล้องกันในประเทศใหญ่ๆทั่วโลก Nieves กล่าว
โดยดัชนีราคาขยายตัวเติบโตขึ้น 2 จุดเป็น 59.9% จากราคาที่เพิ่มขึ้นทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง การคมนาคมขนส่ง โลหะ ทองแดงและเหล็ก
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า ปี 2561 นี้อาจเป็นปีที่อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ของธนาคารกลางสหรัฐฯ
จากการสำรวจ 18 ประเภทของอุตสาหกรรมบริการ มี 15 ประเภทที่มีการเติบโตในเดือน ม.ค. ทั้งศิลปะและบันเทิง ค้าปลีก ดูแลสุขภาพ เหมืองแร่ การก่อสร้างและการเงิน และมีอีก 3 ประเภทที่มีรายงานการหดตัว
“ โดยรวมแล้ว ตัวเลขยังคงแข็งแกร่ง มีความแตกต่างกันบ้างในบางพื้นที่จากสภาพอากาศ แต่โดยรวมแล้ว เป็นเดือนที่แข็งแกร่ง” ผู้ตอบแบบสำรวจรายหนึ่งจากอุตสาหกรรมค้าส่งให้ความเห็น
การเติบโตที่สอดคล้องกันคือ ค่าแรงที่ปรับขึ้นมากกว่า 3% ในพื้นที่อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของสหรัฐฯ โดยข้อมูลชี้ให้เห็นตัวเลขการเติบโตที่พุ่งทะยานในปี 2560
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจสหรัฐฯมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 10 ล้านอัตรา และตัวเลขคนว่างงานโดยรวมลดลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า การลดภาษีนิติบุคคลตามนโยบายของเขาและการผ่อนคลายความเข้มงวดของกฎระเบียบช่วยให้ธุรกิจเติบโต และในการแถลงล่าสุดในสภาคองเกรส เขากล่าวว่า ในที่สุดชาวอเมริกันก็ได้ค่าจ้างเพิ่ม หลังจากหยุดชะงักมานานหลายปี.