ไฟไหม้รพ.เกาหลีใต้ คร่า 41 ชีวิต
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41 รายในเหตุไฟไหม้ที่โรงพยาบาลเซจองในเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 26 ม.ค. และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 70 รายและ 8 รายในจำนวนนี้อยู่ในภาวะวิกฤต อ้างอิงจากรายงานของสำนักข่าวยอนฮัป
วิดีโอและภาพข่าวแสดงให้เห็นถึงเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งที่บินอยู่เหนือตึกในโรงพยาบาลในเมืองมิรยาง ซึ่งมีควันสีเทาพวยพุ่งและมีรถดับเพลิงรายล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก
นับเป็นเหตุไฟไหม้ที่ร้ายแรงที่สุดในเกาหลีใต้ในรอบเกือบทศวรรษ และคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บที่มีอาการสาหัสหลายราย
โดยเพลิงไหม้เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 7.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นที่ด้านหลังของห้องฉุกเฉินบนชั้นหนึ่งของโรงพยาบาลเซจอง และดับไฟได้เกือบหมดหลังจากผ่านไป 2-3 ชั่วโมง ชเวมันวู หัวหน้าสถานีดับเพลิงของเมืองมิรยางกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อโทรทัศน์ โดยเขาเสริมว่ามีการอพยพผู้ป่วยทั้งหมดออกจากโรงพยาบาลและเนิร์สซิงโฮมในอาคารเดียวกัน
“ เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายออกมาจากโรงพยาบาลและเนิร์สซิงโฮม บางคนเสียชีวิตในระหว่างการอพยพไปที่โรงพยาบาลอื่น ” นอกจากนี้ เขากล่าวว่า ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่พักอยู่ที่ชั้น 1 และชั้น 2 ของโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงรายงานว่า เหยื่อเสียชีวิตจากอาการสำลักควัน และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล คือแพทย์ พยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลอยู่ในกลุ่มเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายด้วย
ทั้งนี้ เมืองมิรยางอยู่ห่างจากกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 270 กิโลเมตร
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงชเวเสริมว่าไม่มีผู้เสียชีวิตจากการถูกไฟเผาไหม้ และทางการกำลังสอบสวนหาสาเหตุของไฟไหม้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า มีคนประมาณ 200 คนที่อยู่ในตึกโรงพยาบาลเซจองเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น
โรงพยาบาลแห่งนี้เชี่ยวชาญในการดูแลผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลในระยะยาว รวมถึงคนไข้อื่น อ้างอิงจากรายงานของหนังสือพิมพ์จุงอัง อิลโบและในรายงานยังระบุว่า คนไข้หลายคนมีอาการหนักเกินกว่าที่จะหนีได้ด้วยตัวเอง
โดยหนังสือพิมพ์ยกคำสัมภาษณ์จากผู้รอดชีวิตคนหนึ่งชื่อ จางยองเจ ที่เล่าว่า เขาอยู่บนชั้น 2 ของรพ. ตอนที่พยาบาลตะโกนว่า“ ไฟไหม้ ! ” ตรงโถลงทางเดิน และเร่งให้คนรีบอพยพหนี
“ แต่เมื่อผมเปิดประตูทางออก ก็เห็นแต่ควันดำเต็มไปหมด และผมมองไม่เห็นอะไรเลย ” เขากล่าว “ ทุกคนวิ่งด้วยความกลัวสุดๆ หกล้มบ้าง และตะโกนร้องตอนที่ควันเต็มห้องไปหมด”
เขากล่าวว่า เขาทุบหน้าต่างออกมาและหนีลงมาจากตึกด้วยบันไดที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงนำมาให้
“ มีคนป่วยที่แก่แล้วยอะมากที่ชั้นอื่น ผมไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะหนีรอดได้อย่างปลอดภัยเลย ”
ชเวมันวู กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ยังไม่ทราบถึงสาเหตุของไฟไหม้ และสื่อท้องถิ่นรายงานว่า ตัวอาคารโรงพยาบาลไม่ได้ติดตั้งสปริงเคิลดับไฟไว้
ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน อาคารไม่จำเป็นต้องมีสปริงเคิลดับไฟ แต่ในกฎหมายใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ เนิร์สซิงโฮมจำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้อย่างสมบูรณ์
โรงพยาบาลแห่งนี้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2551 และมีทีมบุคลากรทางการแพทย์ประมาณ 35 คน อ้างอิงจากรายงานของทางการทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโซลระบุในข้อความทางโทรศัพท์มือถือว่า ประธานาธิบดีมุนแจอินได้เรียกประชุมฉุกเฉินกับคณะทำงานของเขาเพื่อหามาตรการเข้าไปช่วยเหลือในเหตุไฟไหม้
เหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากมีผู้เสียชีวิต 29 รายในเหตุเพลิงไหม้ที่สถานออกกำลังกายในเมืองเจชอน ทางใต้ของเกาหลีใต้ เหตุร้ายรุนแรงเกิดขึ้นเพราะไม่มีทางออกฉุกเฉินเพียงพอ วัสดุอุปกรณ์ที่ติดไฟได้ และที่จอดรถที่สร้างอย่างผิดฏฎหมายปิดกั้นไม่ให้รถดับเพลิงเข้าไปได้.