ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 24-25 ต.ค.2564
โทนี่ วู้ดซัม หรือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ย้ำเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วจำไม่ได้ ว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยอย่างแน่นอน ยืนยันว่าไม่นานเกินรอ จะได้พบกันที่ประเทศไทย
ส่วนแผนการหรือแนวทางการกลับบ้านของทักษิณนั้น ไม่มีใครรู้ และไม่มีใครมองออกว่า ทักษิณ จะมีหนทางใด เอื้อให้สามารถเดินทางกลับบ้านได้
เรื่องที่ 398 ล่าสุด ทักษิณ ปล่อยเพลงใหม่ ชื่อเพลงว่า “คิดฮอดแฮง” เพลงลูกทุ่งอีสาน ที่มีเนื้อหาว่าอยู่ดูไบนานปี แต่คิดถึงประเทศไทยเหลือเกิน อยากกลับไปอยู่เมืองไทยเต็มทนแล้ว
ไฮไลท์ของเพลงนี้อยู่ในช่วงสุดท้ายที่ร้องว่า “เลือกพรรคเพื่อไทย ส.ส.เพื่อไทย ผมได้กลับบ้าน”
นั่นทำให้มองได้ว่า หรือแนวทางการกลับบ้านของทักษิณ จะต้องมาจากการที่พรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลายหรือแลนด์สไลด์ อย่างที่ทักษิณคาดหวังเอาไว้ ซึ่งอาจเป็นหนทางเดียวที่พรรคเพื่อไทย จะสามารถต่อรองเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมให้ทักษิณได้พ้นความผิดได้
เพราะการที่ทักษิณออกมาพูดบ่อยครั้งในช่วงนี้ เป้าประสงค์ก็เพื่อให้คนเชื่อว่า เขาเป็นผู้ที่มีความเก่งกาจ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้เป็นอย่างแท้จริง ทั้งยังเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลกได้เป็นอย่างดี
หรือ ณ ตอนนี้ คือการปูทางสู่การกลับบ้านของทักษิณ โดยที่เราไม่รู้ตัว
เรื่องที่ 399 เรื่องคงไม่จบแค่เพียงแบงก์พาณิชย์…ยอมคืนเงินให้กับลูกค้าผู้เสียหาย ทั้งกลุ่มที่ถือบัตรเดบิตและบัตรเครดิตรวมกันมากถึง 10,700 ใบ หลังจากโดนกลุ่มมิจฉาชีพแอบล้วงลับตับแตก! สุ่มเอาข้อมูลบัตรและนำไปสวมรอยทำธุรกรรม เพราะแค่ช่วงเวลาเพียง 17 วัน (1 – 17 ต.ค.) ก่อเป็นความเสียหายรวมกันแล้วมากถึง 130 ล้านบาท เรื่องนี้…ต้องให้เครดิตทั้งแบงก์ชาติ และแบงก์พาณิชย์เจ้าของบัตร ที่ยอมยุติปัญหาของลูกค้า โดยคืนเงินทุกรายแก่ผู้ถือบัตรเดบิต และดำเนินการตั้งพัก เร่งตรวจสอบ และยกเลิกรายการ โดยลูกค้าบัตรเครดิตไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติและไม่มีการคิดดอกเบี้ย ว่ากันว่า…เรื่องนี้ น่าจะเป็นฝีมือของ “แฮ็กเกอร์ต่างชาติ” แต่หากไม่มีคนในประเทศ “สมรู้ร่วมคิด” โอกาสที่มิจฉาชีพเหล่านี้ จะเปิดปฏิบัติการล้วงเอาเงินในบัตรเดบิตและเครดิตไปได้ง่ายๆ ก็คงไม่ง่ายถึงเพียงนี้ หวังใจว่า “สายสืบออนไลน์” เครือข่ายเจ้าหน้าที่รัฐและฟากเอกชน จะช่วยสืบค้นควานหาต้นตอของเหล่าคนโกงเหล่านี้ให้ได้โดยเร็ว ก่อนที่ “ความศรัทธา” ต่อระบบการเงินของไทยจะพังทลายไปพร้อมกับความเสียหายของบรรดาแบงก์พาณิชย์เหล่านี้
เรื่องที่ 400 ช่วงหลังๆ “สวนดุสิตโพล” อาจดูไม่ค่อยจะ “โปรเฟสชั่นนัล” ในความคิดของคนบางกลุ่มสักเท่าใด? แต่ล่าสุด กับผลโพลเกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณีมาตรการช่วยเหลือของรัฐในช่วงโควิด-19 ที่ทำออกมา พบว่า…มาตรการ “คนละครึ่ง” เฟส 3 ได้ใจคนไทยมากที่สุดถึง 78.61% รองลงมาคือมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ 34.76% แต่ที่เป็นข้อเสนอเร่งด่วน คือ อยากให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการควบคุมราคาสินค้าและค่าครองชีพ สูงถึง 75.25% ตามมาด้วยมาตรการลดค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าน้ำมัน 70.61% ถือว่าโพลรอบนี้ของ ม.สวนดุสิต ที่ได้ ดร.จิรัฐ ชวนชม จากคณะวิทยาการจัดการ มากำกับดูแล สอดรับกับสิ่งที่สังคมคาดหวังได้ไม่น้อย ก็อย่างที่รู้กันว่า…คนไทยไม่ใช่ว่าจะหลับหูหลับตา “รับเงิน” เยียวยา โดยไม่ศึกษาถึงป้ญหาและผลกระทบที่จะมีตามมาในอนาคต นั่นเพราะ…เงินที่รัฐบาลนำมาแจกจ่าย บางส่วนเป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชน บางส่วนมาจากเงินกู้ยืม ซึ่งท้ายที่สุด…ก็จะต้องชดใช้คืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ให้กับเข้าหนี้ โดยส่วนของมูลหนี้ จะถูกบวกเพิ่มเป็นเงินภาษีสารพัดตัว ทั้งภาษีทางตรงและทางอ้อม ไปกับราคาสินค้าต่างๆ นี่คือผลกรรมของแจกเพียวๆ ต่างจาก “คนละครึ่ง” ที่ประชาชนกว่า 27 ล้านคน มีโอกาสช่วยรัฐจ่ายเงิน ในการเพิ่มกำลังซื้อและกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงได้ “โดนใจ” คนไทยยุคหัวคิดก้าวไกลนัก
เรื่องที่ 401 อีกเรื่องที่ไม่รู้ว่าจบแล้วหรือยัง? เพราะหลังจากที่ “ประภาศ คงเอียด” ย้ายจากอธิบดีกรมบัญชีกลาง ไปนั่งเก้าอี้อธิบดีกรมธนารักษ์ เรื่องราวระหว่าง…การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กับบริษัทเอกชน “บมจ.บูรพาเทคนิคคอล เอ็นจิเนียริ่ง” ซึ่งเป็นผู้รับเหมางานของ กฟภ. ในหลายๆ โครงการ เข้าข่าย “ทิ้งงาน” หรือไม่? เพราะก่อนหน้านี้ กฟภ. ก็ไม่ฟันธง! เสียที กระทั่ง มีข่าวเกิดขึ้น และนักข่าวไปถามเอากับ “ประภาศ” ช่วงที่ยังนั่งทำงานในกรมบัญชีกลาง จนเจ้าตัวสั่งให้มีการทำหนังสือไปถามเอากับ กฟภ. จนท้ายที่สุด ผู้บริหาร กฟภ. “กลับลำ” ยอมรับว่า…“บมจ.บูรพาเทคนิคคอลฯ” เคยมีพฤติกรรมทิ้งงานเก่าจริง! และสิ่งนี้ก็ควรจะส่งผลไปถึงงานใหม่ๆ ที่ได้รับจาก กฟภ.ด้วย เพราะจากข้อมูลระบุชัด! เอกชนรายนี้ ได้รับงานจาก กฟภ.มากถึง 12 สัญญา มูลค่ากว่า 285 ล้านบาท ประเด็นก็คือ…ถึงนาทีนี้ อธิบดีกรมบัญชีกลางคนใหม่ “ดร.อุ๋ย” กุลยา ตันติเตมิท ได้รับการรายงานในเรื่องนี้แล้วหรือยัง? และเรื่องมันจบลงตรงจุดไหน? กฟภ.ที่พลิกไปพลิกมากับการชี้ขาดว่า…เอกชนรายนี้ “ทิ้งหรือไม่ทิ้งงานรัฐ!” จะเข้าข่ายมีความผิดหรือเปล่า? และบริษัทเอกชนที่เคย “ทิ้งงานรัฐ” แล้ววกกลับเข้ามารับงานใหม่ ในหน่วยงานเก่า จะต้องรับผิดชอบอะไร? แค่ไหน? อย่างไร? เป็นสิ่งที่…คนวงในเฝ้ารออยู่ ที่พูดมานี้…มีประเด็นที่ องค์กรสื่อฯ เขาเตรียมจะมอบรางวัล…ปราบคอร์รั่ปชั่นให้ “ประภาศ” ในฐานะที่หยุดมหกรรม “สมรู้ร่วมคิด” ระหว่างหน่วยงานรัฐกับเอกชนได้ เพียงแต่ไม่มั่นใจว่า…มันจบในยุคของ “ประภาศ” หรืออาจต้องขยับไปเป็นยุคของ “ดร.อุ๋ย” กันแน่? เฮ้อ!!!!
เรื่องที่ 402 หลังจากเมื่อ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุกได้แสดงพลัง จัดกิจกรรม Truck Power บน 7 เส้นทางหลักรอบๆกรุงเทพ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 25 บาทต่อลิตร ซึ่งภาครัฐก็ได้สนองตอบด้วยการสั่ง ปตท. ลดราคาน้ำมันลง 20 ส.ต.ต่อลิตร..แต่ราคาดีเซลก็ยังลดลงไม่ถึงตามที่กลุ่มรถบรรทุกเรียกร้อง..ล่าสุด สหพันธ์การขนส่งทางบก เตรียมแต่งตัวเข้ายื่นหนังสือถึงพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 25 บาทต่อลิตรอีกครั้ง..
“ทองอยู่ คงขันธ์” ประธานที่ปรึกษาสหพันธ์การขนส่งทางบก บอกการรวมตัวเรียกร้องรอบ2 อาจจะยกระดับความเข้มข้นจากเดิม ด้วยการหยุดเดินรถบรรทุกจำนวน 1แสนคัน หรือประมาณ 10 % ของจำนวนทั้งหมด 1 ล้านคัน หากหลังวันที่ 31 ตุลาคมนี้ เรียกร้องยังไม่มีความคืบหน้า และนัดชุมนุมลำดับต่อไป..และหากภาครัฐยังคงยืนยันที่จะตรึงดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตรต่อไป “ทองอยู่ คงขันธ์” บอกว่า ผู้ประกอบการรถบรรทุก ก็คงมีจำเป็นจะต้องปรับราคาภาคการขนส่งขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้..เตรียมรับมือข้าวของแพงได้เลย…
เรื่องที่ 403 ชี้แจงละเอียดยิบ กรณี “พงศ์พรหม ยามะรัต” อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า ได้โพสต์ เตือนชาวกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ถึงวิกฤต “NOx gas” สารก่อมะเร็งลอยในอากาศ และมีโรงงานในเขตสมุทรปราการ และระยองเป็นต้นเหตุในการปล่อยมลพิษแบบผิดกฎหมาย “วันชัย พนมชัย” อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ก็ไม่รอช้า กางผลตรวจสอบคุณภาพอากาศจากปล่องระบายแบบอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง มาชี้แจงในบัดดล โดยสรุปแล้ว.. โรงงานภาคตะวันออกจำนวน 79 ปล่อง และภาคกลางจำนวน 86 ปล่อง ไม่พบว่าค่า NOx ที่ระบายจากปล่องเกินเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงกำหนด คือ ต่ำกว่า 400 ppm และเฉลี่ยตลอดปีมีค่า NOx สูงที่สุดคิดเป็นร้อยละ 39.75 ของค่ามาตรฐาน ซึ่งต่ำกว่าค่ามาตรฐานประมาณ 2.5 เท่า ..ฉะนั้นข้อมูลที่ “พงศ์พรหม ยามะรัต” นำมาโพสต์ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด..จริงๆนะ
โดย นพวัชร์