ซานฟรานยอมรับอนุสาวรีย์หญิงบำเรอ
นครซานฟรานซิสโก ในสหรัฐฯ ยอมรับอย่างเป็นทางการที่จะมีอนุสาวรีย์ที่เป็นตัวแทนของ ‘หญิงบำเรอ’ ซึ่งถูกบังคับให้เป็นทาสกามของทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งอยู่ในเมือง
โดยรูปปั้นเป็นรูปเด็กสาว 3 คน จากเกาหลี จีน และฟิลิปปินส์ยืนจับมือกันเป็นวงกลมอนุสาวรีย์ในลักษณะนี้ทั่วโลกสร้างความไม่พอใจให้กับญี่ปุ่น โดยนครโอซาก้า ซึ่งเป็นเมืองพี่น้องของซานฟรานซิสโกขู่ว่าจะตัดความสัมพันธ์จากความเคลื่อนไหวในครั้งนี้
ทั้งนี้ มีการประเมินว่า มีหญิงสาวมากถึง 200,000 คนที่ถูกจับมาเป็นทาสบำเรอกามของทหารกองทัพญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น หญิงบางคนอาจจะเต็มใจทำ หลายคนถูกล่อลวงมา โดยมีการเสนอกับพวกเธอว่าจะจ่ายเงินให้มาทำงานเป็นแม่ครัว หรือแม่บ้านทำความสะอาด และอีกมากมายหลายคนถูกบังคับให้มา อ้างอิงจากรายงานของสหประชาชาติ
โดยผู้หญิงที่ต้องมาเป็นหญิงบำเรอกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เป็นสตรีชาวเกาหลี แต่ก็มีชาวจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และไต้หวันปะปนอยู่ด้วย
อนุสาวรีย์ในซานฟรานซิสโกถูกจัดตั้งอย่างเป็นส่วนตัวในช่วงปลายเดือนก.ย. แต่เมื่อวันที่ 22 พ.ย.นายกเทศมนตรีเอ็ดวิน ลีได้ลงนามยืนยันว่าสภาของเมืองยอมรับอนุสาวรีย์นี้อย่างเป็นทางการ
มีคำบรรยายด้านข้างอนุสาวรีย์ว่า “อนุสาวรีย์นี้เป็นพยานของความทุกข์ทรมานของผู้หญิงและเด็กหญิงนับแสนคนที่ถูกเรียกอย่างสละสลวยว่า ‘หญิงบำเรอ’ ผู้ซึ่งถูกกระทำให้เป็นทาสทางเพศโดยทหารในกองทัพของพระจักรพรรดิญี่ปุ่นใน 13 ประเทศเอเชีย -แปซิฟิกจากปี 2474 – 2488”
โดยรูปปั้นตัวที่ 4 ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เป็นรูปปั้นหญิงสูงอายุแทนคิมฮักซุน ซึ่งเป็นผู้หญิงชาวเกาหลีคนแรกที่บอกเล่าประสบการณ์ที่ทุกข์ทรมานของเธอในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นยึดครองเกาหลีในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 มีความทรงจำที่เลวร้ายเหมือนกันเช่นนี้ในอีกหลายพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในเกาหลีใต้
เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นสั่งถอนทูตญี่ปุ่นประจำเกาหลีใต้กลับประเทศเป็นการชั่วคราว เนื่องจากไม่พอใจที่มีการตั้งรูปปั้นของหญิงบำเรอหน้าสถานกงสุลญี่ปุ่นในเมืองปูซาน ซึ่งเป็นเมืองท่าเรือสำคัญในเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ยังมีรูปปั้นลักษณะนี้ตั้งอยู่หน้าสถานกงสุลญี่ปุ่นในกรุงโซลด้วย
ญี่ปุ่นระบุว่า อนุสาวรีย์ในเกาหลีใต้เป็นการละเมิดข้อตกลงในปี 2558 ซึ่งมีการเห็นพ้องกันว่า สุดท้ายแล้ว เงินชดเชยจากญี่ปุ่นจะช่วยแก้ไขในประเด็นนี้ แต่ชาวเกาหลีใต้มองว่ายังไม่พอเพียง และประเด็นนี้ยังคงบั่นทอนความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม มีอนุสาวรีย์หญิงบำเรออื่นๆ ในสหรัฐฯ แคนาดา และออสเตรเลียในปี 2559 ซึ่งยิ่งเพิ่มความตึงเครียดให้มากขึ้น
ในกรณีนี้ นายฮิโรฟูมิ โยชิมูระ นายกเทศมนตรีนครโอซาก้าเขียนไปหานายกเทศมนตรีเมืองซานฟรานซิสโกเพื่อเป็นการประท้วงเกี่ยวกับอนุสาวรีย์นี้ และระบุว่า เขาจะยุติความเป็นเมืองพี่น้องระหว่างทั้งสองเมือง ซึ่งมีการตกลงกันมาตั้งแต่ปี 2500.