ญี่ปุ่นสังหารวาฬ 177 ตัว
ทางการญี่ปุ่นแถลงเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ว่า ได้สังหารวาฬไป 177 ตัว นอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือในการล่าวาฬประจำปีซึ่งก่อให้เกิดความโกรธเคืองจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของสัตว์และกลุ่มนักอนุรักษ์กลุ่มอื่นๆ
โดยเรือประมง 3 ลำแล่นออกจากท่าเรือในเดือนมิ.ย.และกลับมาพร้อมกับวาฬมิงก์ 43 ตัวและวาฬเซ 134 ตัวตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้า อ้างอิงจากสำนักประมงแห่งชาติของญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นได้ลงนามในประกาศพักการล่าวาฬของคณะกรรมาธิการล่าวาฬนานาชาติ ( IWC) แต่ได้ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของกฎหมายที่อนุญาตให้สังหารวาฬได้หากเป็นการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์
การค้นคว้าวิจัยเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อประเมินจำนวนที่แน่นอนของการล่าซึ่งยังคงอยู่ เพราะเรากำลังเริ่มปรับปรุงการล่าวาฬเพื่อการค้า เจ้าหน้าที่ของสำนักประมงชื่อโคเฮกล่าวกับสื่อเอเอฟพี
นอร์เวย์ (ซึ่งไม่ยอมปฏิบัติตามคำประกาศพักการล่าวาฬในปี 2529) และไอซ์แลนด์เป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่มีการล่าวาฬเพื่อการค้า
โดยญี่ปุ่นอ้างว่า กำลังพยายามที่จะพิสูจน์จำนวนประชากรวาฬว่ามีมากเพียงพอที่จะกลับมาล่าวาฬเพื่อการค้าได้ ทั้งนี้ วาฬเป็นแหล่งอาหารดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ดีมานด์การบริโภคเนิ้อวาฬของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลายปีมานี้ ก่อให้เกิดการตั้งคำถามถึงการล่าวาฬว่ายังมีผลทางเศรษฐกิจหรือไม่
แรงกดดันจากนานาชาติที่มีต่อญี่ปุ่นเพื่อให้หยุดการล่าวาฬ ทำได้แค่เพียงการอนุรักษ์ และนักการเมืองยิ่งตั้งใจจะทำให้การล่าดำเนินต่อไป นี่เป็นประเด็นปัญหาในญี่ปุ่นที่ขัดแย้งกับนโยบายการทูตที่สุภาพอ่อนโยน
ในปี 2557 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติมีคำตัดสินให้ญี่ปุ่นยุติการล่าวาฬในทวีปแอนตาร์กติก โดยอธิบายว่า โครงการวิจัยไม่เป็นไปตามมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์ตามปกติ
ญี่ปุ่นยกเลิกการล่าวาฬไปในปี 2557 – 2558 แต่ในปีต่อมาก็ริเริ่มโครงการใหม่ โดยระบุว่าแผนการนี้เป็นการทดลองวิจัยทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ การล่าวาฬในแอนตาร์กติก มักจะมีภาพความขัดแย้งและการปะทะกันระหว่างชาวประมงญี่ปุ่นและกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์เผยแพร่ออกมาอยู่เสมอ โดยทางนักเคลื่อนไหวพยายามชี้ให้เห็นว่า วาฬไม่ควรถูกล่ามาเป็นอาหารของมนุษย์.