อินเดียผุดโครงการรถไฟความเร็วสูง
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะแห่งญี่ปุ่นเปิดตัวโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูงสายแรกของอินเดียร่วมกับกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิแห่งอินเดียที่รัฐคุชราต
โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่เป็นเงินกู้จากญี่ปุ่นจำนวน 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รถไฟหัวกระสุนนี้จะวิ่งระหว่างเมืองอัมห์ดาบาด ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐคุชราตกับนครมุมไบในอินเดีย
เมื่อถึงเวลาเปิดให้บริการใน 5 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่าการเดินทางในระยะทาง 500 ก.ม.บนรถไฟความเร็วสูงระหว่างสองเมืองจะช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางจากเดิม 8 ชั่วโมงให้เหลือเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
นายกรัฐมนตรีอาเบะจะใช้เวลาในการเยือนอินเดีย ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของญี่ปุ่นเป็นเวลานาน 2 วัน
“ เพื่อนที่ดีของผม นายกฯนเรนทรา โมดิเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ท่านตัดสินใจเมื่อ 2 ปีก่อนที่จะนำรถไฟความเร็วสูงเข้ามาในอินเดีย และจะเป็นการสร้างอินเดียใหม่” เขากล่าว หลังจากวางศิลาฤกษ์ในการก่อสร้างเมื่อวันที่ 14 ก.ย.
“ ผมหวังจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามของอินเดียผ่านหน้าต่างของรถไฟหัวกระสุน เมื่อผมกลับมาที่นี่ในไม่กี่ปีข้างหน้า”
ทั้งนี้ รถไฟที่มีความจุ 750 ที่นั่งมีกำหนดการเปิดให้บริการในเดือนส.ค.ปี 2565
ปัจจุบัน ระบบรถไฟในอินเดียมีผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 22 ล้านคนต่อวัน และอุปกรณ์ส่วนใหญ่ล้าสมัย ทำให้เกิดอุบัติเหตุและล่าช้าอยู่บ่อยครั้ง
โครงการนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของความทะเยอทะยานของรัฐบาลที่จะเชื่อมโยงเมืองสำคัญเข้าด้วยกันด้วยรถไฟความเร็วสูง แต่นักวิจารณ์กล่าวว่า ผู้โดยสารจะได้รับบริการที่ดีกว่า หากเป็นการลงทุนเพื่อปรับปรุงด้านความปลอดภัยในระบบรางที่เก่าในปัจจุบัน
ผู้สนับสนุนโครงการกล่าวว่า รถไฟความเร็วสูงจะนำไปสู่การพัฒนาให้มีความสะดวกสบาย ลดความแออัดในเมืองใหญ่ จะเพิ่มธุรกิจ และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานตลอดเส้นทาง
นายกรัฐมนตรีโมดิสัญญาที่จะปรับปรุงโครงข่ายรถไฟให้กว้างขวางขึ้น และรถไฟหัวกระสุนเป็นหนึ่งในคำสัญญาสำคัญของเขาในการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2557
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นผู้บุกเบิกระบบรถไฟความเร็วสูง และรถไฟบางสายติดอันดับรถไฟที่เร็วที่สุดในโลก
“ เทคโนโลยีรถไฟนี้จะปฏิวัติและเปลี่ยนรูปแบบภาคส่วนคมนาคมขนส่งของอินเดีย” Piyush Goyal รัฐมนตรีกระทรวงรถไฟของอินเดียกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์
นายกฯโมดิเพิ่งเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีกระทรวงรถไฟคนใหม่หลังจากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับรถไฟอย่างต่อเนื่อง รวมถึงครั้งล่าสุดในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 รายในรัฐอุตตรประเทศ ทางตอนเหนือของอินเดีย.