เบอร์เกอร์คิงใช้เงินดิจิทัลในรัสเซีย
เบอร์เกอร์คิง – เชนฟาสต์ฟู้ดชั้นนำเริ่มใช้สกุลเงินดิจิทัลของตัวเองที่มีชื่อเรียกว่า ‘วอปเปอร์คอยน์ ’ ในรัสเซีย
โดยลูกค้าจะสามารถสะสมเงินวอปเปอร์คอยน์ จากการใช้จ่ายทุก 1 รูเบิล ( 0.58 บาท) ซึ่งจะมีค่าเท่ากับ 1 คอยน์เพื่อใช้ในการซื้อสินค้าของทางร้าน ทำให้ลูกค้าชาวรัสเซียจะสามารถจ่ายค่าวอปเปอร์ 1 ชิ้นด้วยเงินดิจิทัลเสมือนจริงจำนวน 1,700 วอปเปอร์คอยน์
ทางบริษัทระบุว่า จะมีแอปพลิเคชั่นของแอปเปิลและแอนดรอยด์ในเดือนก.ย. เพื่อให้ลูกค้าสามารถเซฟ แชร์ และเทรดกระเป๋าเงินที่เต็มไปด้วยวอปเปอร์คอยน์ของพวกเขาได้
ทั้งนี้ เบอร์เกอร์คิงเป็นหุ้นส่วนทำงานร่วมกับ Waves ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพเงินดิจิทัล ในการสร้างสรรค์และดำเนินการตามแผนของโครงการ
ลูกค้าสามารถเช็คจำนวนเงินดิจิทัลของพวกเขาได้โดยการสแกนใบเสร็จด้วยสมาร์ทโฟนของพวกเขา
โดยเงินดิจิทัลมีระบบการทำงานที่มีความเหมือนกันทางเทคนิคกับบิตคอยน์ แต่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งหมายความว่าบริษัทสามารถปิดระบบได้ หากพบว่ากำลังถูกละเมิด
จากแถลงการณ์ของบริษัท Waves ระบุว่า ได้สร้างวอปเปอร์คอยน์ไว้แล้ว 1,000 ล้านวอปเปอร์คอยน์เพื่อใช้ในโครงการนี้
ปัจจุบัน จากราคาขายวอปเปอร์ 1 ชิ้นในรัสเซีย ทำให้ลูกค้าสามารถได้วอปเปอร์ฟรีอีก 1 ชิ้น หากซื้อไปก่อนหน้านี้แล้ว 5 – 6 ชิ้นด้วยเงินของจริง
ดร.แกริค ฮิลเลแมน ผู้ทำวิจัยที่ศูนย์เคมบริดจ์เพื่อการเงินทางเลือกกล่าวว่า เบอร์เกอร์คิงเป็นแบรนด์ใหญ่รายแรกที่ออกสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง และเขาคาดว่าแบรนด์อื่นจะทำตาม
“ โปรแกรมการสมนาคุณลูกค้าของแบรนด์ เช่น การสะสมไมล์ของสายการบิน มักจะมีขีดจำกัดของการแลกเปลี่ยนทางเลือก หากแบรนด์มีเงินดิจิทัลที่แลกเปลี่ยนซื้อขายได้ง่ายกับสกุลเงินอื่นๆ หรือแม้แต่สินทรัพย์อื่นอาจกระตุ้นความสนใจได้มากกว่ามาตรฐานแบรนด์อื่นๆ” เขาให้ความเห็น
แต่ประเด็นหนึ่งที่ต้องเจอคือ ใครจะยอมรับเงินดิจิทัลของแบรนด์อื่น “ ผมไม่คิดว่า แมคโดนัลด์จะรีบยอมให้จ่ายค่าบิ๊กแมคด้วยวอปเปอร์คอยน์อย่างรวดเร็ว คู่แข่งของเบอร์เกอร์คิงมีแนวโน้มจะยอมรับสกุลเงินที่เป็นอิสระอย่างบิตคอยน์มากกว่า”
ผศ. เอมิน กัน ไซเรอร์ ที่มหาวิทยาลัยคอร์แนลและเป็นผู้อำนวยการโครงการสกุลเงินดิจิทัลได้ทวีตบนทวิตเตอร์ว่า “ การสะสมแต้มรางวัลเป็นกรณีการใช้งานที่ดีของบล็อคเชนส์” ( รูปแบบการเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้และโกงยาก)
อย่างไรก็ตาม จาการสนทนาในเวลาต่อมา เขาเตือนว่า อาจมีการเอาไปใช้เพื่อฟอกเงินและเรียกค่าไถ่ได้ “เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นแน่ๆ” เขากล่าว.