ญี่ปุ่นซ้อมหลบภัยขีปนาวุธเกาหลีเหนือ
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ประชาชนในเมืองทางชายฝั่งของญี่ปุ่นจัดการฝึกซ้อมอพยพเพื่อเตรียมความพร้อม หากเกิดการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือไปยังเกาะกวม ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจมีวิถีการบินผ่านน่านฟ้าญี่ปุ่น
เมื่อเสียงไซเรนผ่านลำโพงกระจายเสียงภายในเมืองโคโทระดังขึ้น กลุ่มเด็กที่กำลังเล่นฟุตบอลอยู่กลางแจ้ง จำเป็นต้องวิ่งหลบเข้าไปในโรงเรียนเพื่อหาที่กำบัง ร่วมด้วยเหล่าผู้ปกครอง และโค้ชผู้ดูแลทีม
นายอากิระ ฮามาคาวะ วัย 38 ปี ระบุว่า “ผมกังวลอยู่ทุกวันว่าอาจมีบางอย่างร่วงลงมา หรืออาจมีขีปนาวุธที่พุ่งลงมาในที่ ๆ คาดเดาไม่ได้ เนื่องมาจากความสามารถในการปล่อยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ”
ทั้งนี้ กระบวนการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่รวดเร็วของเกาหลีเหนือ ได้สร้างความตึงเครียดไปทั่วทั้งภูมิภาค
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯได้ออกโรงเตือนเกาหลีเหนือว่าอาจต้องเจอ “ ไฟและความเกรี้ยวกราด” หากเข้าโจมตีสหรัฐฯ
ทางเกาหลีเหนือโต้ตอบคำพูดของทรัมป์ด้วยการข่มขู่ว่าจะยิงขีปนาวุธไปยังเกาะกวมของสหรัฐฯ ซึ่งวิถีการยิงทั้งหมดอาจต้องผ่านน่านฟ้าทางตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น
แม้ว่าเกาหลีเหนือได้ออกมาชะลอการยิงขีปนาวุธไปยังเกาะกวมในภายหลัง แต่ความตึงเครียดกลับยังคงอยู่ในระดับสูง บวกกับการฝึกซ้อมรบประจำปีของสหรัฐฯและเกาหลีใต้ที่กำลังจะเริ่ม มีแนวโน้มว่าจะยิ่งสร้างความไม่พอใจให้เกาหลีเหนืออย่างมาก
ผู้คนในเมืองโคโทวะราว 130 ราย เข้าร่วมการซ้อมอพยพในครั้งนี้ ซึ่งในตัวเมืองมีประชากรทั้งหมด 18,000 ราย เป็นเวลา 10 นาที ที่ผู้คนต้องก้มตัวลงต่ำและยกแขนขึ้นป้องกันศีรษะของตนเอง ผู้ที่เข้าร่วมหลายรายระบุว่าพวกเขากังวล
ในอดีตเกาหลีเหนือเคยขู่ที่จะโจมตีญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ และเป็นฐานทัพของสหรัฐฯ โดยญี่ปุ่นเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่เคยถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ในอดีต
เจ้าหน้าที่ทำการเผยแพร่และประกาศเตือนให้ผู้คนหาที่กำบังในตึกที่แข็งแรงและให้อยู่ห่างจากหน้าต่างที่ใกล้กับจุดปล่อยขีปนาวุธ ผ่านทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และช่องทางออนไลน์
อย่างไรก็ตาม การฝึกซ้อมอพยพครั้งนี้ จัดขึ้นแค่ในเมืองห่างไกลอย่างเมืองโคโทระเพียงเท่านั้น
โดยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ อาจเดินทางมาถึงญี่ปุ่นได้ในเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น
โยสึเกะ ซูเอนางะ ที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรีเพื่อรับมือสถานการณ์และการจัดการวิกฤติระบุว่า “ผู้คนหลายรายที่เข้าร่วมกับการฝึกฝนในครั้งนี้มีความรู้สึกนึกถึงเหตุฉุกเฉิน”.