ซาอุฯเปิดให้กาตาร์ร่วมพิธีฮัจญ์
ซาอุดิอาระเบียจะเปิดพรมแดนที่ติดกับกาตาร์เพื่ออนุญาตให้ผู้แสวงบุญมุสลิมสามารถเข้าร่วมพิธีฮัจญ์ในนครเมกกะได้ในเดือนส.คนี้ อ้างอิงจากรายงานของสื่อรัฐบาล
การประกาศมีขึ้นหลังจากมีการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศเพื่อนบ้านเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ซาอุฯ และอีก 3 ประเทศตัดความสัมพันธ์กับกาตาร์ในเดือนมิ.ย.โดยกล่าวหาว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายจากรัฐอิสลาม
การปิดพรมแดนซาอุฯ บีบบังคับให้กาตาร์ต้องนำเข้าอาหารทางทะเลและทางอากาศสำหรับประชากรจำนวน 2.7 ล้านคนของประเทศ
นักแสวงบุญชาวกาตาร์ที่ปรารถนาจะเข้าร่วมพิธีฮัจญ์สามารถเดินทางผ่านพรมแดนตรงด่านซัลวาโดยไม่ต้องมีใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ อ้างอิงจากแถลงการณ์ของสำนักข่าวทางการของซาอุฯ นอกจากนี้ พวกเขายังได้รับอนุญาตให้เดินทางผ่านสนามบินของซาอุฯ ด้วย
เมื่อเดือนก.ค.ซาอุฯ เตือนนักแสวงบุญชาวกาตาร์ว่าจะต้องเจอกับกฎระเบียบที่เข้มงวดหากต้องการจะเข้าร่วมพิธีฮัจญ์ กาตาร์ตอบโต้ด้วยการกล่าวหาซาอุฯ ว่านำพิธีฮัจญ์มาใช้เป็นประเด็นทางการเมือง และผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยเสรีภาพการแสดงออกทางศาสนาแสดงความกังวลต่อมาตรการที่เข้มข้นดุเดือดของซาอุฯ
แต่การเปลี่ยนใจของซาอุฯ มีขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมระหว่างเจ้าชายโมฮัมเมด บิน ซัลมัน อัล ซาอุดแห่งซาอุฯและชีคอับดุลลาห์ บิน อาลี บิน อับดุลลาห์ บิน แจสซิม อัล ทานิแห่งกาตาร์
ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า ถึงแม้จะมีท่าทีของความปรารถนาดี แต่กรณีพิพาทระหว่างกาตาร์และประเทศเพื่อนบ้าน คือซาอุฯ บาห์เรน อียิปต์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังคงไม่จบลงง่ายๆ
เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ช่องของสถานีโทรทัศน์ในบาห์เรนกล่าวหากาตาร์ว่า วางแผนกับกลุ่มฝ่ายต่อต้านรัฐบาลบาห์เรนเพื่อก่อความไม่สงบทางการเมืองในปี 2554
สื่อซาอุฯ ประโคมข่าวนี้อย่างครึกโครม ผู้บรรยายของสถานีโทรทัศน์ Al-Arabiya กล่าวว่าประเทศอาหรับและโลกอิสลามต่างรู้สึกมีความสุขและพึงพอใจอย่างมากกับการตัดสินใจครั้งนี้
Anwar Gargash รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทวีตชื่นชมซาอุฯและกล่าวว่า เสียงของกาตาร์ซึ่งกำลังทำและพยายามที่จะนำพิธีฮัจญ์มาเป็นประเด็นทางการเมืองควรจะจบลงหลังจากความใจกว้างของกษัตริย์ซัลมัน
อย่างไรก็ตาม อับดุลลาห์ อัล-อัธบา หัวหน้าบรรณาธิการของสื่อที่เสนับสนุนรัฐบาลกาตาร์กล่าวกับสถานีโทรทัศน์อัล จาซีราว่า การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความมีเหตุผลของซาอุฯ โดยเสริมว่า นี่จะเป็นการยุติการใช้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนามาใช้เป็นประเด็นทางการเมือง.