เยเมนติดเชื้ออหิวาต์ถึง 500,000 ราย
ประชากรมากกว่าครึ่งล้านคนในเยเมนติดเชื้ออหิวาตกโรคตั้งแต่โรคนี้เริ่มระบาดตั้งแต่เมื่อ 4 เดือนก่อน และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 1,975 ราย อ้างอิงจากรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อวันที่ 14 ส.คที่ผ่านมา
แต่ละวันมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 5,000 รายจากเชื้อโรคที่มากับน้ำ ซึ่งก่อให้เกิดอหิวาตกโรคและภาวะขาดน้ำ ในประเทศที่ระบบสาธารณสุขต้องล่มสลายหลังจากเกิดสงครามเมื่อสองปีก่อน
“ จำนวนผู้ติดเชื้ออหิวาตกโรคในเยเมนในปีนี้สูงถึงครึ่งล้านคนจนถึงวันที่ 13 ส.ค. และเกือบ 2,000 คนต้องเสียชีวิต นับตั้งแต่เชื้อโรคแพร่กระจายในช่วงสิ้นเดือนเม.ย. ” ทาง WHO ระบุในเอกสารรายงานเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา
“ การแพร่กระจายของเชื้ออหิวาต์ชะลอตัวลงในบางพื้นที่เมื่อเทียบกับที่เคยพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุด แต่โรคยังคงแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในเขตที่ได้รับผลกระทบล่าสุด ซึ่งบันทึกจำนวนผู้ติดเชื้อได้สูงมาก” โดยในรายงานระบุว่ามีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 503,484 รายจนถึงขณะนี้
โดยโรค ซึ่งแพร่กระจายได้จากอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระของคน สามารถคร่าชีวิตผู้ติดเชื้อในไม่กี่ชั่วโมงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อหิวาตกโรคเคยถูกกำจัดอย่างสิ้นซากในประเทศกำลังพัฒนาที่มีระบบฆ่าเชื้อโรคและระบบบำบัดน้ำ
แต่สงครามกลางเมืองซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากมายในเยเมน โดยกองทัพของรัฐบาลผสมที่นำโดยซาอุดิอาระเบียซึ่งต่อสู้กับอีกกลุ่มที่มีอิหร่านหนุนหลัง และเศรษฐกิจที่ล่มสลายทำให้เป็นเรื่องยากที่จะรับมือกับมหันตภัยอย่างอหิวาตกโรค และความหิวโหยในกลุ่มคนจำนวนมาก
ทั้งนี้ ทาง WHO รายงานว่า ชาวเยเมนนับล้านคนยังคงถูกตัดขาดจากน้ำสะอาดและระบบเก็บขยะที่หยุดชะงักไปในหลายเมืองใหญ่
โดยบุคลากรทางการแพทย์ในเยเมนประมาณ 30,000 คนไม่ได้รับเงินเดือนมานานเกือบปี และขาดแคลนยาที่จำเป็น อ้างอิงจากรายงานของ WHO
“ แพทย์และพยาบาลเป็นกระดูกสันหลังของระบบสาธารณสุข – หากไม่มีพวกเขา เราไม่สามารถทำอะไรได้เลยในเยเมน พวกเขาควรจะต้องได้รับค่าจ้าง ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ” Tedros Adhanom Ghebreyesus ผู้อำนวยการทั่วไปของ WHO กล่าว
WHO และองค์กรที่เกี่ยวข้องกำลังทำงานอย่างสุดความสามารถเพื่อจัดตั้งคลินิกรักษาอหิวาตกโรค ระบบการดูแลผู้พักฟื้น การส่งต่อเวชภัณฑ์และการสนับสนุนความพยายามในระดับชาติ อ้างอิงจากองค์การสหประชาชาติ
มากกว่า 99% ของคนไข้ที่เข้าถึงระบบการรักษาล้วนรอดชีวิต แต่เด็กและผู้สูงอายุุมีความเสี่ยงมากขึ้น
“ การรักษาเป็นไปด้วยดีในบางพื้นที่ จากการตรวจสอบยืนยันได้ว่า เคสที่ติดเชื้อใน 4 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้นลดลงในบางพื้นที่ที่มีการติดเชื้อสูงสุด ” Fadela Chaib โฆษกหญิงของ WHO กล่าวเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา.