เยอรมนีรำลึกผู้เสียชีวิตจากโควิดเกือบ 8 หมื่นคน
เบอร์ลิน : เมื่อวันที่ 18 เม.ย. เยอรมนีมีพิธีรำลึกผู้เสียชีวิตเกือบ 80,000 คนจากโควิด-19 ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังต่อสู้กับสถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
ประธานาธิบดีแฟรงค์ – วอลเตอร์ สไตน์เมอร์เป็นผู้นำในการทำพิธีรำลึกร่วมกับคนอื่นๆในรัฐบาลที่คอนเสิร์ตฮออล Konzerthaus ในกรุงเบอร์ลิน โดยทำเนียบประธานาธิบดีระบุว่า พิธีรำลึกนี้อุทิศให้กับ “ ผู้ที่ไม่สามารถอยู่กับญาติพี่น้องในช่วงเวลาที่พวกเขาเสียชีวิต และสำหรับผู้ที่ไม่สามารถจัดงานพิธีศพได้”
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. เยอรมนียืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 อยู่ที่ 79,914 ราย เพิ่มขึ้นอีก 67 รายจากวันก่อนหน้า นับเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ในยุโรป รองจากสหราชอาณาจักร อิตาลี รัสเซีย และฝรั่งเศส
ทั้งนี้ เยอรมนีมีผู้เสียชีวิตไม่มากในช่วงการระบาดระลอกแรกของโควิด-19 แต่กลับมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นมากในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่ผ่านมา ในเดือนม.ค. มีรายงานผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 รายต่อวันหลายครั้งในประเทศที่มีประชากรทั้งประเทศ 83 ล้านคน
มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาจากไวรัสกลายพันธุ์ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร
โดยเมื่อวันที่ 15 เม.ย. มีผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งทะยานขึ้นถึง 29,426 ราย สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.เป็นต้นมา
จนถึงตอนนี้ เยอรมนีรายงานตัวเลขผู้ป่วยยืนยันสะสม 3.14 ล้านรายตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในประเทศ
นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลพยายามผลักดันกฎหมายผ่านสภาที่กำหนดให้มี ‘เบรคฉุกเฉิน’ ในพื้นที่ซึ่งมีอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิน 100 รายต่อสัปดาห์ต่อประชากร 100,000 คน โดยทั่วประเทศ อัตราผู้ติดเชื้อในวันที่ 18 เม.ย.อยู่ที่ 162 คนต่อประชากร 100,000 คน
มาตรการนี้กำหนดให้มีการปิดร้าน สถานที่ออกกำลังกาย และศูนย์วัฒนธรรม จำกัดการติดต่อส่วนบุคคล และมีเคอร์ฟิวตอนกลางคืน แนวคิดนี้เป็นมาตรการเพื่อคุมเข้มและรับมือกับการแพร่ระบาดทั่ว 16 รัฐของประเทศ
นายกฯแมร์เคิลระบุว่า แผนการนี้มีความจำเป็นเพื่อปกป้องระบบสาธารณสุขไม่ให้รับมือเกินกำลังและล่มสลาย
ขณะที่รองนายกฯ โอลาฟ โชลซ์กล่าวปกป้องมาตรการเคอร์ฟิวเช่นกัน
“นี่เป็นมาตรการที่ช่วยทุกแห่ง ในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง เราต้องการกฎที่เข้มงวด”