ทำไม?! ต้องลงทุน “ หุ้น OR ”
แม้สถานการณ์จะไม่เอื้อต่อการลงทุน… แต่ หุ้น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น OR ก็สามารถฝ่าวิกฤติโควิด-19 มาได้ยืนหนึ่ง เหนือจอง ตามคาด
จากราคาขาย IPO (ราคาหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปในครั้งแรกก่อนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์) ที่ 18 บาทต่อหุ้น พุ่งกระฉูด ในวันแรกที่เทรด (เปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.) เมื่อ 11 ก.พ. 2564
จากราคาเปิดที่ 26.50 บาท ปรับขึ้น 47.2 % หรือ เพิ่มขึ้น 8.50 บาทต่อหุ้น จากนั้นได้ทะยานปรับขึ้นสูงสุดที่ 29.50 บาท และมาปิดการซื้อขายที่ 29.25 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 62.50% มูลค่าการซื้อขาย 47,360,571.72 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้น ยิ้มแฉ่ง รับกำไรเหนาะๆ 11.25 บาทต่อหุ้น…
จากราคาจอง 18 บาทต่อหุ้น ซื้อ 300 หุ้น ในราคา 5,400 บาท เป็น 8,775 บาท รับกำไรไป 3,375 บาท
และยังติดอันดับ 1 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด เมื่อ 11 ก.พ. 2564 โดยมี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ติดอันดับ 2 และ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ติดอันดับ 3
“OR เข้ามาเทรดในครั้งนี้ ส่งผลดีต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีนักลงทุนเข้ามาเปิดบัญชีจำนวนมากแบบไม่เคยมีมาก่อน”
“นายภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ให้สัมภาษณ์พร้อมกับบอกอีกว่า หุ้น OR ทำให้ตลาดทุนไทยกลับมีความน่าสนใจในการลงทุนมากขึ้น และ เชื่อว่าจากนี้จะมีบริษัทเข้ามาระดมทุน และมีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาลงทุนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ทั้งยังประคองราคาเหนือ 30 บาทมาตลอดสัปดาห์ แต่แม้จะหลุด 30 บาท เมื่อ 17 ก.พ. 2564 แต่ ล่าสุดเมื่อ 19 ก.พ. 2564 ราคาหุ้น OR ก็ทะยานมาอยู่ที่ 31.50 บาท
ซึ่งต้องถือว่า นักลงทุนยังคงให้ความสนใจ หุ้น OR อย่างคงเส้นคงวา เพราะเป็นหุ้นระดัแนวหน้าอีกหนึ่งที่มีอนาคต…อนาคตที่กำลังจะก้าวไปเติบใหญ่ ดั่งเช่น หุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ OR
หลายคนอาจจะคุ้นเคยและจดจำ เพียงว่า บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ทำธุรกิจ สถานีบริการน้ำมัน และ ร้าน Cafe Amazon
ซึ่งจริงๆแล้ว OR มีธุรกิจอีกมากมายที่น่าจดจำ….
ธุรกิจหลักของ OR ประกอบด้วย 1. ธุรกิจน้ำมัน (oil) ที่ ปัจจุบัน OR มีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station 1,968 แห่งทั่วไทย และ มีเป้าหมายจะขยายสถานีบริการน้ำมันให้ครบ 2,500 แห่งในปี 2568 , ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์ ทั้งกลุ่มอากาศยาน เรือขนส่ง อุตสาหกรรม ลูกค้าภาคครัวเรือน (PTT LPG), ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น PTT Lubricants และศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto
2.ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-oil) ที่ครอบคลุมทั้งธุรกิจร้านกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ Cafe Amazon ,Texas Chicken, Hua Seng Hong Dimsum, Pearly Tea และร้านสะดวกซื้่อ Jiffy ซึ่ง OR มีแผนขยายร้าน Cafe Amazon ให้ครบ 5,000 แห่งภายใน 5 ปี จากปัจจุบันที่มีอยู่ 3,400 แห่ง ทั้งในและต่างประเทศ
และ 3.ธุรกิจต่างประเทศ จะเป็นการต่อยอดสายธุรกิจ PTT Station ,Cafe Amazon, Jiffy และ FIT Auto ไปยังประเทศ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม จีน สิงคโปร์ โอมาน ญี่ปุ่น มาเลเซีย
“นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้บอกไว้ว่า
“แม้ช่วงปี 2563 จะไม่สามารถขยายสถานีบริการน้ำมันและร้านคาเฟ่ อเมซอนได้ตามเป้าจากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่เป้าหมายในปี 2568 จะมีพีทีที สเตชั่นในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 650 แห่งจากปัจจุบัน 330 แห่ง และร้าน Cafe Amazon จาก 270 แห่ง เพิ่มเป็น 550 แห่ง ก็คงไม่ไกลเกินฝัน”
ส่วนแผน 5 ปี (2564-2568) OR จะเน้นการขยายธุรกิจเสริมที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-oil) และต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นธุรกิจนอนออยล์ให้มาร์จิ้นที่ดีกว่า
ส่งผลให้ธุรกิจนอนออยล์ใน 5 ปีข้างหน้ามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) เพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 30% ส่วนธุรกิจน้ำมันมี EBITDA จาก 69% ลดลงเหลือ 50% ธุรกิจในต่างประเทศมีสัดส่วนจาก 5.8% เพิ่มเป็น 20%
นอกจากนั้น OR ยังได้วางงบประมาณลงทุน 5 กว่า 7 หมื่นล้านบาทเพื่อใช้ลงทุน ธุรกิจน้ำมัน สัดส่วน 35% ธุรกิจนอนออยล์ 20% ธุรกิจต่างประเทศ 20% และงบลงทุนสำหรับธุรกิจอื่นๆ รวมทั้งการเข้าซื้อกิจการ (M&A) สัดส่วน 26-27%
อนาคตที่ถูกวางไว้เหล่านี้ จึงทำให้ประชาชนล้วนแต่เทใจ ให้ความสนใจ อยากจับจอง อยากเป็นเจ้าของ อยากมีส่วนร่วมในธุรกิจ มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งใน หุ้นมวลชน ใน หุ้น OR…