วิสาร ประธาน กมธ.วิ.ท่าเรือ ศึกษาดูงานท่าเรือแหลมฉบัง

ที่ห้องประชุมแตรทอง ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … สภาผู้แทนราษฎร และคณะ ได้เข้ารับฟังบรรยายการดำเนินงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยมี เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และคณะ ให้การต้อนรับ
นายวิสาร กล่าวว่า เป็นที่ทราบว่าท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของการท่าเรือแห่งประเทศไทย สำหรับการมารับฟังบรรยายและดูงานที่ท่าเรือแหลมฉบังในวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นประโยชน์ในการร่างกฎหมายเกี่ยวกับการท่าเรือ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ทั้งนี้การดูงานมีวัตถุประสงค์อื่นๆ เช่น การศึกษาปัญหาและข้อจำกัดในการดำเนินงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย รวมทั้งแผนการดำเนินงานเพื่อรองรับร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ .) พ.ศ. …. ซึ่งรวมถึงแผนงานและโครงการต่าง ๆ ในอนาคต (Master Plan) แผนการลงทุน (Business Plan) การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Asset Management) การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) การศึกษาการบริหารจัดการท่าเรือท่องเที่ยวและท่าเรือสำราญ (Cruise Terminal) ท่าเทียบเรือคอนเทนเนอร์ การเชื่อมต่อระบบขนส่งโลจิสติกส์ทางเรือ ทางราง และทางถนน รวมถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ของท่าเรือแหลมฉบัง

สำหรับการนำเสนอ เรือโทยุทธนา กล่าวว่า การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นโครงการสำคัญที่ส่งเสริมและสอดคล้องกับนโยบายของประเทศในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) เมื่อเปิดให้บริการจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยจะเพิ่มการขนส่งตู้สินค้าจาก 11.1 ล้าน TEU ต่อปี เป็น 18.1 ล้าน TEU ต่อปี เพิ่มสัดส่วนสินค้าผ่านท่าทางรถไฟของท่าเรือแหลมฉบังจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 30 และลดต้นทุนขนส่งรวมของประเทศจากร้อยละ 14 ของ GDP เหลือร้อยละ 12 ของ GDP ประหยัดค่าขนส่งประมาณ 250,000 ล้านบาท วงเงินลงทุน 114,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเอกชน 53% และ กทท. 47%
การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 มีแผนเปิดท่าเทียบเรือหลายแห่ง ได้แก่ ท่าเทียบเรือ F1, F2, E0, E1, และ E2 โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2570 สำหรับท่าเทียบเรือ E0 จะมีความลึก -18.5 ม. รทก. และท่าเรือชายฝั่งจะรองรับสินค้าชายฝั่ง 1 ล้าน TEU
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาโครงการศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (Single Rail Transfer Operator: SRTO) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 โดย กทท. ดำเนินการเอง งบประมาณ 2,944.930 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนนโยบายการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งทางถนนมาสู่ระบบรางที่ท่าเรือแหลมฉบังให้มากขึ้น
การดำเนินงานของโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่าเรือแหลมฉบังยังมีอุปสรรคและปัญหาหลายประการ เช่น ความล่าช้าในการก่อสร้างบางส่วนที่ใกล้กับชุมชน การบุกรุกบริเวณชุมชนบ้านแหลมฉบัง และปัญหารถปั้นจั่นหน้าท่าเสียบ่อย ซึ่งการท่าเรือฯ ได้มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ยังมีการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public Private Partnership: PPP) โดยเอกชนคู่สัญญาได้ลงนามสัญญาร่วมลงทุนฯ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 และอยู่ระหว่างรอ กทท. ส่งมอบพื้นที่เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือ F1 ให้เอกชนเพื่อก่อสร้างและติดตั้งเครื่องมือยกขนหลักในส่วนท่าเทียบเรือ F2 คาดว่าจะส่งมอบให้เอกชนภายในปี 2569

การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นโครงการสำคัญในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) โดยเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือเพื่อรองรับความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
ด้านคุณสุภาพร เสนารักษ์ ตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้กล่าวถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งติดขัดด้านการเจรจาปรับเปลี่ยนเงื่อนไขกับเอกชน ล่าสุดได้ข้อสรุปแล้ว และอยู่ระหว่างรออัยการสูงสุดลงนาม คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วันในการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ EEC สำหรับโครงการสนามบินอู่ตะเภา เตรียมเสนอ NEP กลางปีนี้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่มีรถไฟความเร็วสูง สำหรับท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือมาบตาพุด กำลังดำเนินการ สำหรับท่าเรือจุกเสม็ด เป็นโครงการหนึ่งใน 3 ท่าเรือ ทาง EEC ร่วมกับ กองทัพเรือ จะดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อให้เกิดการพัฒนาเป็นท่าเรือสำราญ ซึ่งจะต้องย้ายจุดท่อส่งน้ำมัน ซึ่งคาดว่าจะจอดเรือสำราญพร้อมกันได้ 2 ลำ ทั้งนี้ ทางบกมีโครงการ M61 และ M72 เพื่อเพิ่มศักยภาพทางถนน อีกทั้งจะมีระบบ IT ในการจัดการการจราจร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “เศรษฐา” สั่งเร่งก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 หลังช้ากว่าเป้าเกือบ 4%