สรุปข่าว 22-11-63
ส่องหุ้นไทย : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์สัปดาห์หน้า (23-27 พ.ย.) มีแนวรับที่ 1,375 และ 1,360 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,420 จุดตามลำดับ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนต.ค. ของไทย ประเด็นทางการเมืองของไทย สถานการณ์โควิด-19 รวมถึงประเด็นการเมืองสหรัฐฯ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/63 บันทึกการประชุมเฟด ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเดือนต.ค. รวมถึงดัชนี PMI Composite เดือนพ.ย. (เบื้องต้น) ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI Composite เดือนพ.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน และกำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. ของจีน.
น้ำมันขึ้นต่อ : ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ล่าสุด ปิดตลาดเมื่อเช้ามืด 22 พ.ย. ในไทยพบว่า ราคาน้ำมับดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ซื้อขายล่วงหน้า งวดส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดเพิ่มขึ้น 0.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (1.29%) มาอยู่ที่ระดับ 42.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือน ม.ค.ปีหน้า ปิดเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 0.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (2.06%) ที่ระดับ 45.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล.
ทองโลกก็ขึ้น : ราคาทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ ปิดตลาดช่วงเช้า 22 พ.ย.ของไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปิดบวกที่ 4.77 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (+0.26%) ปิดที่ 1,871.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านสมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำเพียงครั้งเดียว เพิ่มขึ้นจากราคาปิดเมื่อวันก่อน 50 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อที่ 26,750บาท ขาย 26,850 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณ รับซื้อที่ 26,272.28 บาท และขายที่ 27,350 บาท.
บาทแข็งต่อ : แบงก์กสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาท สัปดาห์สัปดาห์หน้า (23-27 พ.ย.) ยังคงแข็งค่าที่ระดับ 30.00 – 30.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ แนะประเมินปัจจัยในประเทศ คือ ข้อมูลการส่งออกเดือนต.ค. และสถานการณ์ทางการเมือง ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ควรเกาะติด คือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ รายได้-รายจ่ายส่วนบุคคล อัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index เดือน ต.ค. จีดีพีไตรมาส 3/63 (ครั้งที่ 2) และบันทึกการประชุมเฟด (4-5 พ.ย.) นอกจากนี้ ตลาดยังรอจับตาสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป ตลอดจนข้อมูล PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ และยูโรโซนด้วยเช่นกัน.
ม.112 : นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผจก.โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน ( iLaw) ได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ระบุ “ใครทราบแล้ว พร้อมยืนยันเส้นเสรีภาพ พร้อมรับผลที่ตามมา ขอแสดงความนับถือ ใครยังไม่ทราบ คึกคะนอง โดนคดีแล้วร้องไห้โวยวาย ขอให้ตั้งสติดีดี” ทั้งนี้ เขาได้เตือนให้ระวังการกระทำที่เกี่ยวกับความผิดตามมาตรานี้ เพราะเคยมีคนเสื้อแดงเคยมาขอความช่วยเหลือช่วงปี 57-58 และตนได้เข้าไปเยี่ยมในคุกทุกคน.
ยุติชั่วคราว : ม็อบนักเรียนเลวยุติชุมนุมบริเวณใต้รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยาม เมื่อช่วงใกล้ 22.00 น. โดยผู้ปราศรัยคนสุดท้ายในกิจกรรมบ๊ายบายไดโนเสาร์ (ชุดความคิดที่ล้าหลัง ไม่ยอมรับฟังเหตุผล) ระบุ การศึกษาไทยมีปัญหาหลายด้าน พวกเราเรียกร้องอย่างตรงไปตรงมาผ่านกระทรวงศึกษาธิการมาแล้วหลายเดือน แต่ยังไม่สามารถทำให้การศึกษาดีขึ้นได้ นักเรียนจึงต้องลุกออกมาเรียกร้องให้การเมืองดีขึ้น และหวังว่าการศึกษาก็จะดีขึ้นตามไปด้วย.
ตุนวัคซีน : สหภาพยุโรปประกาศทุ่มเงินกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (กว่า 4 แสนล้านบาท) จัดซื้อวัคซีน ป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับ รัฐบาลออสเตรเลียที่ทุ่มเงิน 3,200 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (กว่า 70,700 ล้านบาท) ซื้อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จากบริษัทไฟเซอร์/ไบออนเทค และจากบริษัทโนวาแวคซ์ของสหรัฐฯ บริษัทแอสตราเซเนกา/มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดอังกฤษ และวัคซีนที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ รวมกว่า 134.8 ล้านโดส.
เคอยู่ครบ : นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พาคณะสื่อมวลชนตรวจสอบเคตามีน (ยาเค – ทำประสาทหลอน) ที่ ทางการไตหวันแจ้งว่าจะมีการนำเข้าและเก็บซุกซ่อนในโกดังแห่งหนึ่งที่ จ.ฉะเชิงเทรา ย้ำว่า ยาเคจำนวน 11,500 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 28,750 ล้านบาท ยังคงเก็บในห้องเก็บของกลาง สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 1 จ.ปทุมธานี เพื่อยืนยันว่า ของกลางทั้งหมดยังอยู่ครบไม่ได้หายไปไหน ระบุ ยังไม่พบคนมีสีพัวพัน.