พิษโควิดฯสะเทือนเศรษฐกิจทุกภูมิภาค
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังและดัชนีเชื่อมั่นของภูมิภาค ช่วงมี.ค.64 ระบุ! แม้ได้ปัจจัยหนุนจากการบริโภคและการลงทุนของเอกชน แต่ถูกพิษโควิดฯถล่ม! จนส่งผลกระทบไปทั่วประเทศ
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษก กระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ รองโฆษก สศค. และ นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผอ.สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สศค. แถลงรายงานภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนมีนาคม 2564 ว่า เศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนมีนาคม 2564 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากด้านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นในหลายภูมิภาค อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2564 โดยเฉพาะภูมิภาคที่พึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ เศรษฐกิจภาคตะวันออก ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากด้านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นโดยในเดือนมีนาคม 2564 ขณะที่ เศรษฐกิจภาคกลาง ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากด้านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น
ด้าน เศรษฐกิจภาคเหนือ ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากด้านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงดัชนี
ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ส่วน เศรษฐกิจภาคตะวันตก ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากด้านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น
สำหรับ เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากด้านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ เศรษฐกิจภาคใต้ ที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากด้านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น โดยในเดือนมีนาคม 2564 ขณะที่ เศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑล ค่อนข้างทรงตัว อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมยังปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของ ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค ประจำเดือนเมษายน 2564 พบว่า มีการปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าทุกภูมิภาค เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19) อย่างไรก็ตาม ดัชนี RSI ยังบ่งชี้ว่า แนวโน้มความเชื่อมั่นในอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคใน 6 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้นได้ในหลายภูมิภาค
โดย ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 58.6 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในอนาคต โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคกลาง อยู่ที่ 56.5 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่ดีขึ้นในอนาคตเช่นกัน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 53.3 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่ดีขึ้นเล็กน้อยในอนาคต ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 53.1 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่ดีขึ้นเล็กน้อย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคเกษตรและภาคการจ้างงาน เนื่องจากเข้าสู่ฤดูเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวสินค้าเกษตร
ด้าน ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 52.9 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจในอนาคตที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคเกษตรและภาคการจ้างงาน เนื่องจากเป็นช่วงเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร ประกอบกับการมีมาตรการช่วยเหลือภาคเกษตรจากภาครัฐ ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันตก อยู่ที่ 52.0 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคเกษตรและภาคการจ้างงาน ในส่วนของ ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของ กทม. และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 42.4 แสดงถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคเกษตร.