ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 3-4 ต.ค.2566
บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปรากฎตัวครั้งแรก หลังห่างหายไปกว่า 2 สัปดาห์
เรื่องที่ 2,975 โดย พล.อ.ประวิตร โผล่ในที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ในงามสัมมนา ส.ส.ของพรรค พร้อมเปิดเผยว่า ที่หายไปกว่า 2 สัปดาห์ เพราะมีอาการเจ็บขา
จะว่าไปแล้ว บทบาทของ พล.อ.ประวิตร ลดลงเมื่อพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แม้เป็นหัวหน้าพรรค แต่บทบาทการประสานงานถูกส่งต่อไปที่มือขวาอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
ถึงวันนี้ ร.อ.ธรรมนัส มีอำนาจมากในพรรคพลังประชารัฐ ทั้งยังนั่งในตำแหน่งใหญ่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พรรคเพื่อไทย หมายมั่นจะเก็บไว้สร้างสรรค์ผลงานของตนเอง
นั่นจึงทำให้ถูกมองว่า ที่พรรคเพื่อไทย ยอมให้ตำแหน่งนี้แก่ ร.อ.ธรรมนัส ก็คาดหวังว่าวันหนึ่ง ร.อ.ธรรมนัส จะกลับมาพรรคเพื่อไทย
เมื่อนั้นอำนาจและบารมีของบิ๊กป้อม ก็จะลดลง จนพรรคพลังประชารัฐ เกิดความระส่ำยกใหญ่
เรื่องที่ 2,976 สร้างประเด็นเก่งก็คงต้องขอยกให้ท่านตุ๋ย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานผู้ไม่ยอมนั่งประจำที่กระทรวงพลังงาน ผู้เก่งฉกาจเรื่องกฎหมาย
ล่าสุดเตรียมแก้กฎหมาย เพื่อกำหนดค่าการตลาดราคาน้ำมันไม่เกิน 2 บาทต่อลิตร ทุกชนิดน้ำมัน และหากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามจะมีการเพิ่มบทลงโทษ โดยที่มีการหารือร่วมกับ คณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อวางแนวทางในการปรับแก้กฎหมายต่อไป
ท่านตุ๋ยให้เหตุผลว่าที่ผ่านมาเคยขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ในการกำหนดค่าตลาดที่มันเกิน 2 บาท แต่จะต่ำกว่าไม่เป็นไร แต่ปัจจุบันในบางรายมีค่าการตลาดสูงถึง 4 บาทต่อลิตร
ต้องบอกว่าแนวคิดของท่านก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่นโยบายที่ทำแต่สั่งนั้น ไม่รู้ว่าท่านเคยลงไปดูในรายละเอียดให้ลึกแค่ไหน เวลานี้ค่าไฟที่จะเอาให้ได้ 3.99 บาทต่อหน่วยก็ยังเคาะออกมาประกาศใช้ไม่ได้ ผู้รับนโยบายต่างก็ได้แต่กุมขมับหมดแล้วเจ้านาย เรื่องใหม่ก็มาเพิ่มอีก
เรื่องที่ 2,977 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ (3 ต.ค.) อยู่ที่ 37.02/08 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 37.09 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 36.95 – 37.13 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค ระหว่างวันยังไม่มีปัจจัยใหม่ ตลาดยังกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังคงดอกเบี้ยสูงเป็นเวลานาน ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาไม่ค่อยดี ขณะที่เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวช้า และยังไม่เห็นนโยบายทางการเงินการคลังที่คืบหน้า จึงยังไม่มีปัจจัยกดให้เงินบาทแข็งค่า
“เงินบาทอ่อนค่าไปถึง 37.13 บาท/ดอลลาร์ แต่ยังถือเป็นระดับที่อ่อนค่าสุดในรอบ 10 เดือนครึ่ง” นักบริหารเงินกล่าว ส่วนในวันพรุ่งนี้ (4 ต.ค.) คาดว่า จะอยู่ที่ 37.20 – 37.80 บาท/ดอลลาร์
เรื่องที่ 2,978 นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้น และอ่อนค่าผ่านระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์ คิดเป็นอ่อนค่าลง 6.75% จากต้นปี สอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาค โดยการอ่อนค่าในช่วงหลังได้รับผลจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก โดยเฉพาะการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ จากความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงดอกเบี้ยไว้นานกว่าที่คาด ประกอบกับ แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ โดยเปรียบเทียบ
นอกจากนี้ ค่าเงินบาทยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากราคาทองคำที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 7 เดือน และราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบปี ซึ่งตลาดมองว่าอาจกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ประกอบกับ นักลงทุนยังรอความชัดเจนของนโยบายการคลังและการระดมทุนของภาครัฐ
เรื่องที่ 2,979 มติ ครม.โยกย้ายและตั้งแต่ผู้บริหารระดับของกระทรวงการคลัง ในรอบนี้ ไม่โหดร้ายจนเกินไป แต่ไม่ถึงกับดี หรือมีคุณธรรมครบถ้วน 100% ถ้าพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว เด็กปั้น เด็กเส้น รอบนี้ ยังมีไม่ ได้ขาดหายไปไหน เพราะที่มองเห็นชัดๆ คือ “แบงก์-ธีรลักษ์ แสงสนิท” จากที่ปรึกษา สนบ. เป็นผู้ตรวจฯ “หลุย-วุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล จากที่ปรึกษา สศค.เป็นผู้ตรวจฯ “บิ๊กอวบ-อัครุตม์ สนธยานนท์” ที่ปรึกษากรมสรรพสามิต เป็นรองปลัดกระทรวง “ปิ่น-ปิ่นสาย สุรัสวดี ปรึกษากรมสรรพากร เป็นรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง (ใครเป็น…ใครเดากันเอง เพราะที่เดานะ ถูกทุกข้อ) เช่น คนนามสกุล แสงสนิท อันดับที่ 3 ของกระทรวงการคลัง น้องใคร… !! บิ๊กอวบ ลูกน้องใคร ส่วนลูกพี่ น่าจะชื่อ “บิ๊กตู่” หรือสุรัสวดี ลูกใคร พรรคไหน!! บิ๊กหลุย นั้น น่าถูกวางตัวเป็น ผอ.สศค.คนต่อไป
ส่วน “อธิบดีหม่อง-พชร อนันตศิลป์” จากอธิบดีกรมศุลกากรมาเป็น ผอ.สบน. ก็ดูไม่แย่นัก แต่ถ้า จะให้ดี น่าจะดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะลูกหม้อหน่วยงานนี้ แต่เมื่อผู้ใหญ่ ตัดสินใจลงเอย แบบนี้ “อธิบดีหม่อง” ไม่หลุดเป็นรองปลัด หรือผู้ตรวจฯ ก็ถือว่า ได้ใจ “นพวัชร์”
“อธิบดีอุ๋ย-กุลยา ตันเตมิท” จากกรมบัญชีกลางไปอธิบดีกรมสรรพากร เรียกว่า “เป็นไปตามโผ” เพราะนอกจากอดีตปลัดคลัง คนล่าสุดเห็นด้วยแล้ว อดีตปลัดคนก่อนหน้านี้ ก็ยัง OK อีกด้วย ส่วนปลัดคลัง คนปัจจุบัน “อุ๋ย” เป็นน้องรักอยู่แล้ว
ขณะที่ “ผอ.แพต-แพตริเซีย มงคลวนิช” รอบนี้ ได้ขึ้นเป็นอธิบดีกรมบัญชีกลาง เท่ากับได้คืนความชอบธรรมหลังจากที่ให้เธอไปนั่งเป็น ผอ.สบน.ยาวถึง 4 ปี
สำหรับคนที่น่าเห็นใจ และต้องให้กำลังใจต่อไปมีอยู่ 2 คน 1.“รองนุช-วรนุช ภู่อิ่ม” รองปลัดคลัง ถ้ารอบนี้ ไม่ได้ขึ้น เหลือ 1 ปี ลุ้นเป็นอธิบดีกรมธนารักษ์สมัยเดียวต่อจาก “อธิบดีอ้วน-จำเริญ โพธิยอด” และ2. “ต้อง-ปิยกร อภิบาลศรี” หัวหน้าผู้ตรวจต่อไปอีก 1 สมัย ดันไปว่ายน้ำทวนกระแสรอบที่แล้ว มารอบนี้ รมช.คลัง เลยสกัดไม่ให้ขึ้นฝั่งแบบ “หน่อง-ธบดี วัฒนกุล” จากผู้ตรวจคือ หนึ่งเดียวในรอบนี้ ข้ามไปนั่งผอ.สคร. เรียกว่า “บิ๊กหน่อง” เพราะไม่ต้องเป็นรองปลัด ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเกิดปี2515 อนาคตยังอีกยาวไกล
ส่วนคนที่ไม่ได้เอยถึง “นพวัชร์” ไม่ได้ลืมนะจ๊ะ แต่รอบนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ไปก่อนทั้ง “โป๊ะ-ผอ.สศค.” “เอก-อธิบดีกรมสรรพสามิต” และ “พี่ตุ้ย-อธิบดีกรมศุลกากร”
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 2,980 รัฐบาลสิงคโปร์ คาดว่าจะมีการจับกุมและยึดทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ทางการกำลังสืบสวนหนึ่งในคดีฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกยึดขณะนี้อยู่ที่ 2,800 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในช่วงกลางเดือนส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจของสิงคโปร์ได้เข้าจับกุมชาวต่างชาติ 10 ราย และยึดทรัพย์สินหรูหรา เช่น อสังหาริมทรัพย์, รถยนต์, ทองคำแท่ง, กระเป๋าแบรนด์เนมและเครื่องประดับ รวมเป็นมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
นางโจเซฟิน เตียว รัฐมนตรีคนที่สองของกระทรวงมหาดไทยแห่งสิงคโปร์ แถลงต่อรัฐสภาในวันนี้ (3 ต.ค.) ว่า “คดีนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่า อาชญากรที่มีความมุ่งมั่นสามารถหาวิธีหลีกเลี่ยงได้แม้กระทั่งมาตรการป้องกันที่เข้มงวดที่สุด”
นอกจากนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ยังระบุว่า กำลังดำเนินการตรวจสอบสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว และจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับสถาบันการเงินและพนักงาน หากพบว่าละเมิดข้อกำหนดของธนาคารกลาง
นางเตียวกล่าวว่า คดีนี้กลายเป็นที่จับตามองของตำรวจมาตั้งแต่ปี 2564 หลังการยื่นรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยโดยสถาบันการเงิน
เรื่องที่ 2,981 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ลอตเตอรี่พาวเวอร์บอลของสหรัฐทบยอดเงินรางวัลแจ็กพอตจนพุ่งสูงขึ้นถึง 1,200 ล้านดอลลาร์สำหรับการจับสลากในวันพุธนี้ (4 ต.ค.) หลังจากไม่มีคนถูกรางวัลใหญ่มูลค่า 1,040 ล้านดอลลาร์ในการจับสลากคืนวันจันทร์ (2 ต.ค.) โดยเลขที่ออกคือ 12, 26, 27, 43, 47 และพาวเวอร์บอล 5
รางวัลแจ็กพอตในสัปดาห์นี้ จะเป็นรางวัลแจ็กพอตที่ใหญ่เป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์ของสลากกินแบ่งพาวเวอร์บอล โดยผู้ชนะสามารถเลือกรับรางวัลเป็นเงินก้อนมูลค่าก่อนหักภาษีที่ 551.7 ล้านดอลลาร์ ตามที่ระบุไว้บนเว็บไซต์พาวเวอร์บอล
เมื่อวันจันทร์ถือเป็นการจับสลากติดต่อกันครั้งที่ 32 ที่ไม่มีผู้ชนะรางวัลใหญ่ ทำให้ต้องมีการทบยอดเงินรางวัลแจ็กพอตไปงวดหน้า โดยครั้งล่าสุดที่แจ็กพอตแตกคือวันที่ 19 ก.ค. ด้วยลอตเตอรี่ใบที่ซื้อจากรัฐแคลิฟอร์เนียที่ถูกรางวัล 1,080 ล้านดอลลาร์
เรื่องที่ 2,982 กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (2 ต.ค.) ว่า ญี่ปุ่นได้เผชิญเดือนก.ย. ที่ร้อนที่สุดนับตั้งแต่ที่เริ่มเก็บข้อมูลเมื่อ 125 ปีก่อน โดยคาดว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
JMA ระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนก.ย.สูงกว่าปกติ 2.66 องศาเซลเซียส ซึ่งนับเป็นอุณหภูมิที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการเก็บข้อมูลเมื่อปี 2441
ปีนี้คาดว่าจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เร่งตัวขึ้นในประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง ออสเตรีย, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, โปแลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้ประกาศว่า เดือนก.ย. ที่ผ่านมาเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์
เรื่องที่ 2,983 เบอร์เกอร์คิง ยังคงเปิดให้บริการตามปกติในรัสเซีย แม้ว่าเจ้าของแบรนด์ได้ให้คำมั่นว่าจะถอนกิจการออกจากประเทศมานานกว่า 1 ปีแล้วก็ตาม
บริษัทเรสเตอร์รองต์ แบรนด์ อินเตอร์เนชันแนล (RBI) ซึ่งถือหุ้น 15% ของธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเบอร์เกอร์คิงในรัสเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวบีบีซีว่า ทางบริษัทยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการถอนกิจการมาแจ้งในตอนนี้
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมี.ค. 2565 บริษัทระบุว่า ทางบริษัทได้เริ่มต้นกระบวนการถอนกิจการออกจากรัสเซียแล้ว
นับตั้งแต่ที่สงครามเริ่มต้นขึ้นในยูเครน บริษัทต่างๆ จากชาติตะวันตกต้องเผชิญกับแรงกดดันให้ถอนกิจการออกจากรัสเซีย โดยนักวิจารณ์จวก RBI ว่า สนับสนุนระบอบการปกครองของประธานาธิบดีปูติน เนื่องจากไม่ยอมถอนกิจการออกจากรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม RBI ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ให้เหตุผลถึงความยุ่งยากในการถอนกิจการออกจากรัสเซียว่าเป็นเพราะข้อตกลงด้านแฟรนไชส์ที่ซับซ้อน โดยข้อตกลงดังกล่าวเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรอีก 3 ราย สำหรับร้านสาขาประมาณ 800 แห่งในรัสเซีย
บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งของไต้หวันกำลังช่วยบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ สร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเครือข่ายโรงงานผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ทั่วพื้นที่ทางตอนใต้ของจีน โดยความร่วมมือครั้งนี้อาจเพิ่มความตึงเครียดแก่ไต้หวัน ซึ่งกำลังเผชิญกับท่าทีอันแข็งกร้าวของจีน
ท่ามกลางฤดูร้อนที่ร้อนระอุของช่วงปลายเดือนส.ค. ในเมืองเซินเจิ้น สถานที่ก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งก่อตั้งโดยบริษัทที่ได้รับทุนจากหัวเว่ย เต็มไปด้วยคนงาน โดยคนงานสวมหมวกนิรภัยรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ แผงขายของริมถนน และวิธีเดียวที่จะแยกพวกเขาออกคือเสื้อชูชีพสีสันสดใสที่แสดงชื่อและโลโก้ของนายจ้าง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คนงานเหล่านี้ประกอบด้วยแรงงานจากบริษัทไต้หวัน ได้แก่ ท็อปโค ไซแอนทิฟิค (Topco Scientific) ผู้ค้าปลีกวัสดุชิป และบริษัทในเครือของแอลแอนด์เค เอ็นจิเนียริ่ง (L&K Engineering) ส่วนที่ไซต์ก่อสร้างอีกแห่งของบริษัทในเครือหัวเว่ย สำนักข่าวบลูมเบิร์กตรวจพบ แรงงานจากบริษัทในเครือของบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างอย่างยูไนเต็ด อินทิเกรทเต็ด เซอร์วิส (United Integrated Services)
ขณะเดียวกัน บริษัทซิกา-ฮันเทค เคมิคอล เทคโนโลยี ไต้หวัน (Cica-Huntek Chemical Technology Taiwan) ของไต้หวันระบุผ่านทางเว็บไซต์ว่า บริษัทคว้าสัญญาในการสร้างระบบจ่ายสารเคมีให้กับผู้ผลิตชิปในจีน 2 ราย ได้แก่ บริษัทเซินเจิ้น เพนซุน เทคโนโลยี (Shenzhen Pensun Technology) และบริษัทเผิงซินเว่ย ไอซี แมนูแฟคเจอริ่ง (Pengxinwei IC Manufacturing) ซึ่งถูกสหรัฐขึ้นบัญชีดำเมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากทั้งสองบริษัททำงานร่วมกับหัวเว่ยเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิป
อย่างไรก็ดี บริษัทได้ลบข้อมูลอ้างอิงทางออนไลน์ หลังจากที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสอบถามเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงเศรษฐกิจของไต้หวัน ซึ่งรับผิดชอบด้านการควบคุมการส่งออก ระบุว่า จะเข้าตรวจสอบความสัมพันธ์ของบริษัทไต้หวันทั้ง 4 แห่งกับหัวเว่ย
เรื่องที่ 2,984 ดร.กอตอลิน กอริโกและดร.ดรูว์ ไวส์แมน 2 นักวิทยาศาสตร์คว้ารางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ ประจำปี 2566 จากงานวิจัยที่เปิดทางให้เกิดการพัฒนาวัคซีน mRNA เพื่อป้องกันโรคโควิด-19
ผลงานของ 2 นักวิทยาศาสตร์ดังกล่าวช่วยบุกเบิกเทคโนโลยีที่ช่วยให้บริษัทโมเดอร์นา และบริษัทไฟเซอร์ สามารถพัฒนาวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว และวัคซีนดังกล่าวได้ถูกแจกจ่ายให้แก่ผู้คนหลายร้อยล้านคนทั่วโลก ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการบรรเทาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ mRNA (messenger Ribonucleic Acid) เป็นสารพันธุกรรมชนิดหนึ่งในสิ่งมีชีวิต ซึ่งรวมถึงไวรัสด้วย แนวคิดของการพัฒนาวัคซีนด้วย mRNA คือ เมื่อนำส่งสารพันธุกรรมชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ร่างกายจะมีการสร้างโปรตีนหนาม (spike protein) ซึ่งเป็นโปรตีนส่วนที่จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสCOVID-19 ได้
เรื่องที่ 2,985 ข้อมูลจากทางการตุรกีที่เผยแพร่ในวันนี้ (3 ต.ค.) ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของตุรกี เพิ่มขึ้นแตะ 61.53% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ในผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ 61.7% และนับเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน โดยมีสาเหตุจากการปรับขึ้นภาษีเมื่อเร็ว ๆ นี้ และสกุลเงินลีราตุรกีที่อ่อนค่าลง
ทั้งนี้ เมื่อเทียบรายเดือน อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคของตุรกีเพิ่มขึ้น 4.75% ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของตุรกีพุ่งสูงขึ้นถึงกว่า 85% ในปีที่แล้ว หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่การลดค่าสกุลเงินลีราลงอย่างมากในช่วงปลายปี 2564
ที่ผ่านมา…
โดยนพวัชร์