ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 15-16 ต.ค.2564
“ว่ากันว่าสิ่งที่ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กลัวในเวลานี้คือ การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพราะไม่แน่ใจว่า จะมีจำนวน ส.ส.สนับสนุนเพียงพอหรือไม่ หรือหากมีการพิจารณาร่างกฎหมายในสภาฯ เมื่อนั้นจะเป็นช่วงของการวัดดวงว่า “พล.อ.ประยุทธ์” จะยังได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป หรือพอแค่นี้ดี ความไม่แน่ใจของ “พล.อ.ประยุทธ์” นำมาซึ่งการลงพื้นที่อย่างหนัก เพื่อซื้อใจ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มีการแบ่งขั้วแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน ทำให้เวลานี้ ต่างฝ่ายต่างต้องเดิมเกมกันอย่างหนัก ก่อนจะเปิดสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในไม่ช้านี้”
เรื่องที่ 364 การส่ง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ไปเป็นที่ปรึกษาหัวหน้า พปชร.เป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่า “พล.อ.ประยุทธ์” ยังไว้วางใจ “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร.อย่างไม่เต็มใจร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนในอดีตที่มีเรา “3ป.” จึงต้องส่งที่ปรึกษาไปประกบ เผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นในพรรคจะได้ตั้งตัวทัน
เพราะต้องอย่าลืมว่า “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” คนที่ “บิ๊กตู่” ปลดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ยังมีอำนาจใหญ่โตในพรรค และ “ร.อ.ธรรมนัส” ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นมือขวาของ “พล.อ.ประวิตร” นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ แม้ “พล.อ.ประยุทธ์” จะเคลียร์ใจกันได้เสมอกับ “พล.อ.ประวิตร” แต่ก็ไม่อาจไว้วางใจคนข้างกายของ “พล.อ.ประวิตร” ได้
เราชี้ให้เห็นประเด็นแล้วให้ผู้อ่านนั่งทบทวนช่วงวันเสาร์-อาทิตย์สบายๆ
เรื่องที่ 365 ในขณะที่ภาคเอกชน ต่างมุ่งมั่นประกาศเจตนารมณ์สู้วิกฤตโลกร้อน บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ประกาศตัวและกำลังก้าวเข้าสู่การเป็น Carbon Neutral ในต้นปี 2022 และยังตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในอีก 10 ปีข้างหน้า ล่าสุด บีซีพีจี ยังเป็นหนึ่งในผู้จัดตั้ง Carbon Markets Club แพลทฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนที่มีอุดมการณ์เดียวกันในการแก้ปัญหาโลกร้อน สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตกันได้ตามความสมัครใจ
“บัณฑิต สะเพียรชัย” CEO บีซีพีจี บอกว่า 3 ปีที่ผ่านมาบีซีพีจี เดินหน้าพัฒนา แพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต โดย เฉพาะการเปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นทั้งผู้ผลิต ผู้ใช้ และสามารถซื้อขายไฟฟ้าส่วนที่เหลือใช้ระหว่างกัน หรือที่เรียกว่า “Prosumer” มาโดยตลอด ในส่วนของภาครัฐเองก็ต้องเร่งหาทางจัดการกับโครงสร้างพื้นฐาน ด้านพลังงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน ให้สามารถรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน ที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคและช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนให้ได้อย่างทันทีเช่นกัน เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราเองก็อย่างจะรู้ ร่างหลักเกณฑ์จะเสร็จเมื่อไหร่ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ช่วยตอบทีก็จะเป็นพระคุณ
เรื่องที่ 366 “ดวงใจ อัศวจินตจิตร์” เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ออกอาการ หน้าชื่น ตาบาน เห็นๆ เมื่องาน SUBCON Thailand 2021 Virtual Edition งานแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมในรูปแบบออนไลน์ ประสบความ สำเร็จตามเป้า สามารถจับคู่ธุรกิจได้มากถึง 248 คู่ สร้างมูลค่าการซื้อขายชิ้นส่วนในอนาคตเกือบ 1,000 ล้านบาท ใครไม่หน้าบานบ้างบอกมา จัดงาน 8 วันมีผู้เข้าชมงาน 2,833 ราย 5 อันดับแรกของผู้เข้าชมงานคือไทย อินเดีย เวียดนาม ญี่ปุ่น และสิงคโปร์
“ดวงใจ” บอกมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมงานชมงานและร่วมกิจกรรมขนาดนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางปีหน้า “ดวงใจ อัศวจินตจิตร์” เล็งไว้ว่าจะมีการจัดงานในรูปแบบ Hybrid Event หรือการผสมผสานระหว่างออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้เข้ากับยุค New Normal ถ้าคนสนใจยังไงก็เข้ามาดู จริงนะ
เรื่อง 367 มองเห็นอนาคตที่อยู่ไกล! ได้ใกล้ ชนิดมือไขว่คว้าได้ไวกว่าคู่แข่ง สำหรับ “สวนอุตสาหกรรมโรจนะ” ล่าสุด “ชาย วินิชบุตร” กรรมการบริหารฯ พกปากกามาเซ็นสัญญา “เทคโอเวอร์” กลุ่มเฮิร์บ เทรเชอร์ ของ “รมย์ชลี จันทร์ประสิทธิ์” ที่เพิ่มลงนาม MOU กับการยาสูบแห่งประเทศไทย ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สำหรับการเข้ามาทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” จัดหาสายพันธุ์กัญชง เพื่อนำไปวิจัยและพัฒนา ก่อนส่งต่อเมล็ดพันธุ์ฯให้เกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ เครือข่ายการยาสูบฯ นำไปปลูกและขายกลับมาให้ งานนี้ สมฉายา “เสือปืนไว” จริงๆ จะว่าไปแล้ว “สวนอุตสาหกรรมโรจนะ” เคยเจ็บหนักครั้งน้ำท่วมใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อน (2554) มารอบนี้ จึงต้องมองหาธุรกิจแห่งอนาคตมาเพื่อต่อยอดสร้างความมั่นคงให้ธุรกิจ และความมั่งคั่งให้กับผู้ถือหุ้น
ธุรกิจกัญชง โดยเฉพาะสารสกัด CBD ที่มีมูลค่าในตลาดโลก มหาศาล 150,000 – 400,000 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับการ ค้าส่ง แต่หากเป็นการขายปลีกหรือขายล็อตไม่ใหญ่นัก ราคาจะแพงกว่านี้ 20% ด้วยความที่ “สวนอุตสาหกรรมโรจนะ” มีคอนเน็กชั่นกับบริษัทต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมด้านอาหารและเครื่องดื่ม, เครื่องสำอาง, ยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงอุตสาหกรรมไฮเทคอื่นๆ อีกมากมาย และหลายแห่งต่างก็ต้องการสารสกัด CBD จากกัญชง ไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่นฯลฯ เรียกว่า “ออเดอร์จ่อรอเสียบ!” ทันทีที่ กลุ่มเฮิร์บ เทรเชอร์ฯ ซึ่ง “สวนอุตสาหกรรมโรจนะ” ถือหุ้นใหญ่ 51% ผลิตและส่งให้ได้ รายได้ระดับปีละกว่า “พันล้าน” อาจกลายเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับธรุกิจใหม่ของตระกูล “วินิชบุตร” ไปเลย
งานนี้ จะเรียกว่าเป็น “เดอะ แมน บีไฮด์” ได้หรือไม่? สำหรับ “พี่บิ๊ก-ภาณุพล รัตนกาญจนภัทร” อดีตผู้ว่าการการยาสูบฯ “ร่วมเป็นสักขีพยาน” ในการเข้าเทคโอเวอร์ของ “สวนอุตสาหกรรมโรจนะ” แล้วไม่เพียงมาให้กำลังใจ แต่ยังมาตามติดภาร กิจ “ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ” ที่กว่า 14,000 ครัวเรือน ต้องเดือดร้อน รายได้หดหาย จากนโยนบายใหม่ของรัฐ โดยเฉพาะการเปิดให้บุหรี่ต่างประเทศเข้ามาตีตลาดในไทยจนยอดรับซื้อใบยาสูบหาย ไปกับยอดขายบุหรี่ซอง แถมมาเจอภาษีสรรพสามิตบุหรี่อัตราใหม่จำเป็นต้องหารายได้ใหม่ๆ ให้กับเกสรกรกลุ่มนี้ สุดท้ายกัญชง กัญชา น่าจะเป็นทางออกสำหรับเรื่องนี้
มากกว่านั้น ด้วยความเป็น พี่น้องคนละท้องเดียวกันกับ “ปลัดมหาดไทยคนใหม่” ไม่แน่ว่า พี่น้องเกษตรกรปลูกใบยาสูบในเครือข่ายของการยาสูบฯ อาจมีโชคใหญ่ รับเงินสนับสนุนจากกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย นัยว่า…เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้หันมาเปลี่ยนปลูกพืชตัวใหม่ จากใบยาสูบมาเป็นกัญชง กัญชา คงต้องตามติด “พี่บิ๊ก” กับภารกิจ “ตัวกลาง” เจรจากับกรมพัฒนาชุมชน เพื่อนำงบประมาณก้อนนี้ มาเสริมแกร่งให้กับเกษตรกรปลูกใบยาสูบ เอาเป็นว่าหากมีความหน้า ก็จะควานหาข่าวมาบอกเล่าเก้าสิบ สู่กันฟังแล้วกัน!
โดย นพวัชร์