‘ซูจี’ ถูกตั้งข้อหาเพิ่มอีก
เมื่อวันที่ 12 เม.ย. นางอองซานซูจี ผู้นำรัฐบาลเมียนมาที่ถูกกองทัพยึดอำนาจและควบคุมตัวไว้ถูกตั้งข้อหาใหม่อีก ขณะที่ทางกองทัพมีการปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงอย่างต่อเนื่อง
ผู้นำการเมืองหญิงที่แข็งแกร่งของเมียนมาวัย 75 ปีไม่ได้ปรากฎตัวต่อสาธารณะมาตั้งแต่เธอถูกทหารควบคุมตัวในวันที่ 1 ก.พ. หลังยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนของเธอ
บรรดานายพลในกองทัพที่ก่อรัฐประหารเพิ่มความรุนแรงในการปราบปรามผู้ประท้วงต้านรัฐประหาร ขณะที่นางซูจีต้องเผชิญกับข้อหาที่อาจทำให้เธอต้องวางมือจากการเมืองตลอดไป
“ คุณแม่ซูถูกตั้งข้อหาอีกภายใต้มาตรา 25 ซึ่งเป็นกฎหมายบรรเทาหายนะจากภัยธรรมชาติ” ทนายความมินมินโซกล่าวกับสื่อหลังการพิจารณาคดีที่ศาลในกรุงเนปิดอว์ ซึ่งนางซูจีปรากฎตัวผ่านวีดีโอลิงค์
“ เธอถูกตั้งข้อหาทั้งหมด 6 กระทงแล้ว 5 กระทงในเนปิดอว์และหนึ่งกระทงในย่างกุ้ง”โดยข้อหาที่รุนแรงที่สุดของเธออยู่ภายใต้กฎหมายลับเฉพาะของเมียนมา
มินมินโซระบุว่า ซูจีซึ่งถูกจับกุมตัวที่บ้านในกรุงเนปิดอว์ ดูมีสุขภาพดี แต่ไม่ชัดเจนว่าเธอทราบเรื่องเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นในเมียนมาช่วงสองเดือนที่ผ่านมาหรือไม่
มีผู้ประท้วงกว่า 700 คนที่เสียชีวิตในช่วงเวลา 70 วันหลังการก่อรัฐประหาร จากข้อมูลของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง ซึ่งระบุว่ามีผู้ถูกจับกุมตัวกว่า 3,000 คน
สื่อ AFP รายงานว่า เช้าวันที่ 12 เม.ย. เด็กหญิงวัย 6 ปีถูกยิงที่ศีรษะขณะเดินไปซื้อขนมที่ร้านในเมืองตามู ใกล้พรมแดนติดอินเดีย
แม้จะเสี่ยงอันตราย แต่ผู้ชุมนุมยังเดินหน้าประท้วงต่อไป และในวันที่ 12 เม.ย. ก่อนวันสงกรานต์ มีการเดินขบวนในเมืองมัณฑะเลย์ รวมถึงเมืองกะเล่ ทางเหนือของประเทศ
การปราบปรามผู้ชุมนุมอย่างนองเลือดของกองทัพเมียนมาทำให้นานาชาติประณามและเรียกร้องให้กองทัพอดกลั้นและยับยั้งชั่งใจ รวมถึงมีมาตรการคว่ำบาตรบรรดานายพลที่อยู่เบื้องหลังรัฐประหาร ซึ่งมีทั้งแช่แข็งทรัพย์สินในสหรัฐฯ และสกัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวจากนานาชาติเพื่อกดดันกองทัพไม่รุดหน้ามากนัก โดยอียูตำหนิรัสเซียและจีนที่ใช้สิทธิขัดขวางมาตรการที่เข้มงวดขึ้นจากสหประชาชาติ เช่น การห้ามส่งสินค้าให้กองทัพ
วิกฤตครั้งนี้ ทำให้เห็นภาพชัดเจนของการปะทะระหว่างกองทัพกับกลุ่มกบฎชาติพันธุ์ติดอาวุธ โดยบางกลุ่มให้การสนับสนุนผู้ประท้วง ก่อให้เกิดความกังวลว่าจะมีสงครามกลางเมืองในเมียนมา
มีการต่อสู้ครั้งล่าสุดระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังอิสรภาพคะฉิ่นในวันที่ 12 เม.ย.ที่เมืองโมเมาะในรัฐคะฉิ่น
สื่อในประเทศรายงานว่า มีชาวบ้าน 3 คนถูกยิงสังหารด้วยปืนใหญ่ แม้จะไม่ชัดเจนว่ามาจากฝ่ายใด