เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวในรอบ 3 ปี
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดใน 3 เดือนแรกของปีนี้ อ้างอิงจากข้อมูลอย่างเป็นทางการ
โดยตัวเลขจีดีพีขยายตัวในอัตรา 0.7% ต่อปีในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นตัวเลขที่ชะลอตัวลงมากที่สุดนัตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2557 เป็นต้นมา
นับเป็นข่าวไม่น่ายินดีสำหรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเคยให้สัญญากับผู้สนับสนุนในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งว่าจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตถึง 4%
เพื่อทำให้คำสัญญาเป็นจริง เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ทางทำเนียบขาวมีแผนเสนอให้มีการปรับลดภาษีนิติบุคคลลง โดย สตีเวน นูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยถึงพิมพ์เขียวของการจัดเก็บภาษีของผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งตั้งเป้าที่จะลดอัตราภาษีนิติบุคคลจากเดิม 35% ลงเหลือ 15%
โดยหวังว่าแผนลดภาษีธุรกิจจะเป็นการดึงดูดใจให้บริษัทดึงเงินกลับมาจากต่างประเทศ และยังมีแผนจะลดภาษีรายได้บุคคลด้วย ถึงแม้แผนจะยังไม่มีรายละเอียดมากนัก
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไม่กี่ปีมานี้ นโยบายการบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์อาจทำให้ตัวเลขลดลงในไตรมาสแรก แต่จะฟื้นตัวขึ้นภายในปีนี้
“ ตัวเลขจีดีพีของสหรัฐฯ ลดลงในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นไปตามกรอบที่ผันแปรตามฤดูกาล” แนนซี เคอร์ทินหัวหน้าฝ่ายการลงทุนที่ Close Brothers Asset Management
“ เรายังไม่ได้คาดหวังถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากประธานาธิบดีทรัมป์ ผลกระทบจากนโยบายจะยังไม่เห็นชัดจนกระทั่งสิ้นปีนี้ หรือช่วงต้นปี 2561”
ตัวเลขเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯในไตรมาสแรกอยู่ที่ 0.7% ต่อปี น้อยกว่า 1% ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และชะลอตัวลงจาก 2.1% ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า การชะลอตัวเกิดจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซบเซา
“ การใช้จ่ายภาคครัวเรือนซบเซาลงเห็นได้จากยอดขายรถยนต์ที่ลดลงหลังจากพุ่งขึ้นไปแตะระดับเกือบสูงสุดในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว และสภาพอากาศของฤดูหนาวที่แปรปรวน ซึ่งกระทบต่อการใช้จ่ายด้านสาธาณูปโภค” พอล แอชเวิร์ธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำ Capital Economics กล่าว
แต่เขาคิดว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะฟื้นตัว เนื่องจากรายได้ส่วนบุคคลชี้ให้เห็นถึงการเติบโต และข้อมูลแสดงว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงสูงอยู่
ทั้งนี้ น.ส.เคอร์ทินจาก Close Brothers ยังชี้ว่า ข้อมูลอื่นๆชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ “ นักลงทุนอาจผิดหวังกับตัวเลขที่ออกมา แต่ก็เป็นการเริ่มต้นปีอย่างมีเสถียรภาพด้วยเงินเฟ้อที่ไม่สูง ตลาดงานที่ฟื้นตัว และตัวเลขในเชิงบวกจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ”.