CEO เอสโซ่ ชู ภารกิจ 3 ด้าน ขับเคลื่อนองค์กร
CEO เอสโซ่ ชู ภารกิจ 3 ด้าน ขับเคลื่อนองค์กร ตั้งเป้าขยายปั้มเพิ่มขึ้นกว่า 700 แห่ง ปี 64 เน้นจ่ายเงินด้วย QR Code เปิด ร้านกาแฟใหม่ Coffee Journey เอาใจคอกาแฟ
นายอดิศักดิ์ แจ้งกมลกุลชัย ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แถลงนโยบายในฐานะรับตำแหน่งใหม่ โดย ชู ภารกิจ 3 ด้าน ประกอบด้วย Our Growth ที่จะพัฒนาศักยภาพของบุคลากรสู่ระดับสากลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต Our Win ต่อยอดความชำนาญเฉพาะด้านที่หลากหลายเพื่อคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการที่โดดเด่นพร้อมคุณภาพให้แก่ลูกค้า และ Our Pride คือสร้างความเข้าใจและความประทับใจในแบรนด์ เพื่อให้อยู่ในใจของทุกคน
และได้ตั้งเป้าขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 700 แห่งในปี 2564 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 676 แห่ง อีกทั้งยังได้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการแก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น เช่น การจ่ายเงินด้วย QR Code เพื่อลดการสัมผัส หรือ Contactless รวมถึงในเรื่องการสะสมแต้ม การแลกส่วนลดต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้สร้างรายได้อื่นผ่านพันธมิตรทางธุรกิจ โดยเพิ่มร้านค้าและบริการในสถานีบริการน้ำมัน ประกอบด้วย เบอร์เกอร์คิง แมคโดนัลด์ เคเอฟซี เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส แฟมิลี่มาร์ท มินิบิ๊กซี ลอว์สัน 108 ช็อป สตาร์บัคส์ ร้านกาแฟราบิก้า ร้านคาเฟดิโอโร่ ร้านกาแฟคอฟฟี่บอย บีควิก บ๊อช วิซาร์ด เอสซีจี ควิกวอช เบทาโกร เคอรี่เอ็กซ์เพรส ร้านยาง 51
ล่าสุด ยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่มไมเนอร์ฟู้ด เปิดร้านกาแฟใหม่ในชื่อ Coffee Journey โดยเพิ่งเปิดสาขาแรกที่สถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ สาขารามอินทรา กม.6. และมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า การขายผ่านธุรกิจพาณิชยกรรมเป็นช่องทางการขายที่สร้างรายได้ที่ดีเช่นกัน เป็นการขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม การค้าส่ง การเดินเรือ การบิน รวมถึงการขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน ลาว เมียนมา และ กัมพูชา ด้วยความร่วมมือและการบริหารจัดการอุปสงค์อุปทานระหว่างหน่วยงานต่างๆที่ดีภายในบริษัทฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มยอดขายร้อยละ 4 จากกลุ่มลูกค้าที่สำคัญ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม และกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าภาคภูมิใจที่สามารถทำรายได้จากยอดขายได้เป็นอันดับหนึ่งของเอ็กซอนโมบิลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค โดยเน้นผลิตภัณฑ์ hi-grade เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ รวมทั้งได้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ น้ำมันเตาสำหรับเรือเดินสมุทร “EMF.5” ที่มีกำมะถันต่ำเพียงร้อยละ 0.50 ซึ่งช่วยในเรื่องสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐาน International Maritime Organization
ด้านธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น บริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มจำนวนประเภทผลิตภัณฑ์หล่อลื่นคุณภาพสูง การขยายการตลาดอย่างครอบคลุมทั่วถึง และ เสริมสร้างศักยภาพช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่น เพื่อเป็นการตอบสนองผู้ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่มีสมรรถนะดีเยี่ยม
บริษัทฯ ได้เสนอผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่หลากหลายเพิ่มขึ้นให้แก่ผู้บริโภค เช่น น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ พรีเมียมโมบิล 1 และน้ำมันไฮโดรลิก DTE 20 อัลตร้า นอกจากนี้ หลังจากที่บริษัทฯ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ หล่อลื่น โมบิล ซูเปอร์ โมโต แล้ว ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นใหม่คือ โมบิล เรซซิ่ง 4T สำหรับผู้ใช้รถมอเตอร์ไซด์ด้วย
“ทั้งหมดนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่ต้องการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ช่วยยืดอายุการใช้งาน เพิ่มพลังการขับเคลื่อน เพิ่มประสิทธิภาพ และ สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้ง ได้เพิ่มจำนวนร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์โมบิลถึงกว่า 1,640 แห่งเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ ซึ่งการขายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นโมบิลในประเทศไทย ถือเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเอ็กซอนโมบิลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคใต้ด้วย”
ด้านโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ศรีราชาและโรงงานปิโตรเคมี ได้ทำงานร่วมกันเพื่อผลิตน้ำมันสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์เคมีที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทฯ และ คงไว้ซึ่งต้นทุนที่มีศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมทั้งมองหาโอกาสอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มผลกำไรและลดการใช้ต้นทุนการผลิต ด้วยโครงการพัฒนาการดำเนินงานในหลายๆด้าน เช่น การใช้เครื่องมือและหน่วยผลิตที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด การเลือกใช้น้ำมันดิบและวัตถุดิบตั้งต้นจากแหล่งใหม่ๆ เพื่อลดต้นทุนในการผลิต และ โครงการการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในช่วงการแพร่ระบาดโควิด -19 โรงกลั่นได้มีการปรับแผนการกลั่นน้ำมันเพื่อให้เหมาะสมต่อความต้องการใช้ในช่วงนั้นด้วย