เปิดไทม์ไลน์ 2 โครงการดันเศรษฐกิจ 3 ด.สุดท้าย
เคาะแล้ว 2 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายช่วง 3 เดือนสุดท้ายปี 63 “เพิ่มกำลังซื้อบัตรคนจน – คนละครึ่ง” หวังสร้างเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ 8.1 หมื่นล้านบาท ดันจีดีพี 0.25% เริ่ม 1 ต.ค. สำหรับร้านค้าแสนแห่ง ส่วนประชาชนเข้าร่วมโครงการ 16 ต.ค. แต่เริ่มใช้จ่ายจริง 23 ต.ค.นี้
3 เดือนสุดท้ายของปี 2563 คงคึกคักเป็นพิเศษ หลัง 2 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล คือ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และ โครงการคนละครึ่ง ได้ฤกษ์เบิกโรง
โดย รัฐบาลพร้อมอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ 2.1 หมื่นล้านบาทกับโครงการแรก และ อีก 3 หมื่นล้านบาทในโครงการหลัง ที่จะดึงเม็ดเงินอีกครึ่งจากกำลังซื้อของประชาชน คือ 3 หมื่นล้านบาท มาร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งในภาพใหญ่และระดับฐานราก
รวมถึง รักษาระดับการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของประชาชน และเพิ่มรายรับของร้านค้าขนาดเล็กในชุมชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มหาบเร่ แผงลอย
ด้วยคาดหวังว่า เม็ดเงินทั้งหมด 8.1 หมื่นล้านบาท จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และดันจีดีพีปีนี้โตเพิ่มขึ้น 0.25% รวมถึงส่งต่อเศรษฐกิจยังไปปีหน้าอีกด้วย
ไทม์ไลน์ที่คนไทยต้องรู้จาก 2 โครงการข้างต้น ก็คือ…
1 ต.ค.2563 ธนาคารกรุงไทยจะ เปิดตัวเว็บไซต์คนละครึ่ง (www.คนละครึ่ง.com) พร้อมกับ เปิดให้ร้านค้าขนาดเล็ก ร้านค้าชุมชน ไปจนถึงร้านสะดวกซื้อที่ไม่ใช่เครือข่ายเฟรนไชส์ สมัครเข้าร่วมโครงการฯ
16 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป (18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีบัตรประจำตัวประชาชน) 10 ล้านคนแรก สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ส่วนโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ราว 14 ล้านคน รัฐบาลจะโอนเงินให้ทันทีที่โครงการเดินเครื่องแล้ว
23 ต.ค.เริ่มเปิดให้ประชาชนทั้ง 2 โครงการฯ สามารถใช้จ่ายเงินผ่านแอปฯเป๋าตัง กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ
ทั้งนี้ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จากเดิมที่ได้รับเงินจากรัฐบาลต่อคนต่อเดือนที่ 200 หรือ 300 บาท เมื่อรวมกับเม็ดเงิน 500 บาทต่อคนต่อเดือนในโครงการนี้ เป็นเวลา 3 เดือน (ต.ค.- ธ.ค.) จะทำให้ได้รับเงินรวมจำนวน 700 หรือ 800 บาทต่อคนต่อเดือน
ส่วนโครงการคนละครึ่ง รัฐบาลจะร่วมจ่ายกับผู้เข้าร่วมโครงการฯ ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อคนตลอดระยะเวลาโครงการฯ
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ระบุว่า ทั้ง 2 โครงการฯจะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย และช่วยรักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ จากการเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 8.1 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมประชาชน 24 ล้านคน ช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2563 และส่งแรงขับเคลื่อนต่อเนื่องไปยังปี 2564
ด้าน นายผยง ศรีวณิช กก.ผจก.ใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ย้ำว่า ธนาคารฯพร้อมเต็มที่ในการรองรับการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ของประชาชน 10 ล้านคน ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com โดยเมื่อลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์แล้ว จะมี SMS แจ้งผลการลงทะเบียน จากนั้นให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่อยืนยันตัวตนใช้สิทธิ์ผ่าน G-wallet โดยสามารถรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ใช้จ่ายตามร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. – 31 ธ.ค.นี้
ขณะที่ นายลวรณ แสงสนิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังอยากให้ร้านค้าขนาดเล็กเข้าร่วมโครงการฯให้มากที่สุด เพื่อเม็ดเงินในโครงการฯกระจายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากให้มากที่สุด โดยคาดหวังจะมี ร้านค้าเข้าร่วมโครงการฯไม่น้อยกว่า 1 แสนร้านค้า ซึ่งวิธีการที่ ร้านค้าจะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ มีด้วยกัน 3 แนวทาง ดังนี้
1.จนท.สาขาของธนาคารกรุงไทย 1,041 แห่งจะลงพื้นที่ไปหาร้านค้าที่อยู่ในทำเลที่เหมาะสม 2.ร้านค้านแจ้งความจำนงเข้าร่วมโครงการฯผ่านเว็บไซต์คนละครึ่ง จากนั้น จะมีจนท.ธนาคารกรุงไทยไปหาถึงที่ และ 3.แจ้งความจำนงไปยังองค์กรปกครองท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเทศบาล หรืออบต. ที่เมื่อรวบรวมข้อมูลจากร้านค้าแล้ว จะส่งต่อให้กับธนาคารกรุงไทย จากนั้น จะมีจนท.ธนาคารกรุงไทยไปหาถึงที่ เช่นกัน.