ทรัมป์ชี้ต้องปรับปรุงความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ว่า สหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งเขาเคยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจและความล้มเหลวในการบังคับเกาหลีเหนือ
“ หนึ่งในความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุดที่เราต้องปรับปรุง คือความสัมพันธ์กับจีน ” นายทรัมป์กล่าวกับสื่อในรัฐไอโอวา โดยสหรัฐฯ และจีนเป็นสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
“ จีนไม่ใช่ระบบเศรษฐกิจแบบตลาด พวกเขาไม่ยอมทำตามกฎ และผมว่าถึงเวลาที่พวกเขาต้องเริ่มทำแล้ว ” นายทรัมป์กล่าว
โดยนายทรัมป์กล่าววิพากษ์วิจารณ์จีนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งและวางกรอบการประท้วงทางการทูตจากจีนในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเขาพูดโทรศัพท์กับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินของไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
นี่เป็นการติดต่อกับไต้หวันเป็นครั้งแรกของว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ หลังจากอดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ยอมรับนโยบาย ‘ จีนเดียว ’ ในปี 2522 โดยยอมรับสถานะของรัฐบาลจากปักกิ่งเท่านั้น
ทั้งนี้ นายทรัมป์ยังคงกล่าววิจารณ์ปักกิ่งในระหว่างการเดินสายขอบคุณประชาชนในรัฐที่ให้การสนับสนุนเขาจนได้รับชัยชนะเหนือนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
“ จีนเคยเป็นขโมยทรัพย์สินทางปัญญา จ่ายภาษีที่ไม่เป็นธรรมเมื่อเทียบกับบริษัทของเรา ไม่ช่วยกดดันเกาหลีเหนืออย่างที่ควรจะทำ ลดทั้งค่าเงินหยวนและลดราคาสินค้าตัวเอง ” นายทรัมป์กล่าวโจมตีจีน
จีนมีสกุลเงินที่ไม่ถูกกำหนดค่าเงินโดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยองค์การการค้าโลกรายงานว่า จีนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตราที่สูงกว่าของสหรัฐฯ มาก
นายทรัมป์เลือกนายเทอร์รี แบรนสตัด ผู้ว่าการรัฐไอโอวาเป็นทูตสหรัฐฯ ประจำจีน โดยนายแบรนสตัด กล่าวว่าเขาและประธานาธิบดีสี จิ้นผิงมีความสัมพันธ์กันมานานถึง 30 ปีแล้ว เขาเคยไปเยือนจีนถึง 6 ครั้ง และประธานาธิบดีสีเคยไปเยือนรัฐไอโอวาถึง 2 ครั้ง
ทั้งนี้ นายทรัมป์กล่าวว่า เขามีแผนจะให้ความสำคัญกับสหรัฐฯ และแรงงานอเมริกันก่อนเป็นอันดับแรก
โดยคณะทำงานของนายทรัมป์ซึ่งจะเข้าทำงานในทำเนียบขาวในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้าจะมุ่งเน้นใน 2 กฎสำคัญคือ “ ซื้อของอเมริกัน และจ้างคนอเมริกัน ” ซึ่งนายทรัมป์กล่าวเสริมว่า จะยังคงกดดันบริษัทในสหรัฐฯ ไม่ให้ย้ายออกไปตั้งบริษัทในต่างประเทศ.