‘ไบต์แดนซ์’ ไม่ขาย TikTok เลือกเป็นหุ้นส่วน ‘ออราเคิล’
นิวยอร์ก : เมื่อวันที่ 13 ก.ย. บริษัทไบต์แดนซ์ยกเลิกการขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ เนื่องจากเลือกที่จะเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทออราเคิล โดยหวังว่าจะหยุดคำสั่งแบนจากสหรัฐฯ แต่ถือเป็นการคัดค้านความเห็นของรัฐบาลจีน อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดในประเด็นนี้
บริษัทแม่ซึ่งมีฐานที่มั่นในจีนผ่านการเจรจาพูดคุยในประเด็นการแยกกิจการ TikTok ในสหรัฐฯกับทั้งออราเคิล และบริษัทไมโครซอฟต์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สั่งให้ขายกิจการในสหรัฐฯ เมื่อเดือนส.ค. และขู่จะปิด TikTok หากขายไม่ทันกำหนดเส้นตาย
ขณะที่แอปพลิเคชัน TikTok ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและล้นหลามในบรรดาวัยรุ่นอเมริกัน รัฐบาลสหรัฐฯแสดงความกังวลว่าข้อมูลของผู้ใช้งานจะถูกส่งต่อไปถึงรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน
ที่ผ่านมา การเจรจามีอุปสรรคสำคัญเนื่องจากจีนมีการปรับรายชื่อสินค้าเทคโนโลยีที่ห้ามส่งออกให้บริษัทต่างชาติในเดือนที่ผ่านมา และอัลกอริธึมหลักของ TikTok อยู่ในรายชื่อนี้ของกระทรวงพาณิชย์ของจีน ซึ่งหมายความว่าหากไม่ผ่านการอนุมัติของกระทรวง ก็จะขายสินค้านี้ออกไปไม่ได้ ในสัปดาห์ที่แล้ว สื่อรอยเตอร์รายงานว่ารัฐบาลจีนอยากให้ปิดกิจการ TikTok ในสหรัฐฯมากกว่าที่จะถูกรัฐบาลทรัมป์บีบให้ขาย
แหล่งข่าวระบุว่า ภายใต้ดีลที่มีการเสนอมา ทางออราเคิลจะเป็นหุ้นส่วนเทคโนโลยีของไบต์แดนซ์ และจะบริหารจัดการข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐฯของ TikTok โดยทางออราเคิลยังได้เจรจาที่จะถือหุ้นในสินทรัพย์ของ TikTok ด้วย
โดยนักลงทุนรายอื่นของไบต์แดนซ์ รวมถึงบริษัทลงทุน General Atlantic และ Sequoia จะเป็นผู้ถือหุ้นรองในการบริหารกิจการ TikTok ในสหรัฐฯภายใต้ดีลนี้
ยังไม่ชัดเจนว่า ทรัมป์ (ซึ่งต้องการให้บริษัทอเมริกันเป็นเจ้าของส่วนใหญ่ในกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ) จะอนุมัติดีลนี้หรือไม่ โดยคณะกรรมการกำกับดูแลการลงทุนต่างชาติในสหรัฐฯ (CFIUS) ซึ่งทบทวนดีลในประเด็นความเสี่ยงด้านความมั่นคง กำลังพิจารณาควบคุมการเจรจาระหว่างไบต์แดนซ์และออราเคิล
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ไมโครซอฟต์ระบุว่า ทางไบต์แดนซ์แจ้งมาว่า จะไม่ขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯแล้ว ขณะที่ห้างยักษ์ใหญ่อย่างวอลมาร์ท ซึ่งผนึกกำลังกับไมโครซอฟต์ในการเจรจาเข้าซื้อกิจการ ระบุในวันเดียวกันว่า ยังคงมีความสนใจลงทุนใน TikTok และจะมีการพูดคุยต่อไปกับผู้บริหารของไบต์แดนซ์
“เรารู้ว่า ดีลที่ได้รับการอนุมัติจะทำให้หน่วยงานรัฐพอใจและแก้ปัญหาความกังวลด้านความมั่นคงได้ ” วอลมาร์ทระบุ
ทรัมป์ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีสองครั้งในเดือนส.ค ซึ่งพุ่งเป้าที่ไบต์แดนซ์ โดยคำสั่งแรกคือการแบนบริษัทสหรัฐฯ ไม่ให้ทำธุรกรรมกับบริษัทจีน หรือบริษัทย่อยตั้งแต่ 20 ก.ย. และคำสั่งที่สองกำหนดให้ไบต์แดนซ์ขาย TikTok ภายในวันที่ 12 พ.ย.จากความกังวลด้านความมั่นคง
หากทรัมป์เห็นพ้องในการอนุมัติดีลการปรับโครงสร้างของไบต์แดนซ์กับออราเคิลที่เสนอมาล่าสุด เขาต้องพลิกนโยบายเป็นตรงกันข้ามและยกเลิกคำสั่งที่ระบุให้ TikTok ต้องแยกกิจการ