“ณัฏฐพล” ห่วงม็อบ นศ.กระทบเศรษฐกิจ
“ณัฏฐพล” ลงพื้นที่เยี่ยมประชาชน ประสบเหตุไฟไหม้ ย่านฝั่งธน ยันช่วยกลุ่มนักเรียนไม่ทอดทิ้ง ชี้พร้อมเปิดเวทีฟังความเห็นต่าง ปมม๊อบนักเรียน-นักศึกษา พร้อมคุยแกนนำทุกคน เพื่อหาทางออก
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 ส.ค. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางไปให้กำลังใจ และรับฟังกลุ่มนักเรียน-ผู้ปกครองที่ประสบภัย พร้อมกับร่วมประกอบอาหารและร่วมบริจาคสิ่งของช่วยประชาชน ที่ประสบเหตุไฟไหม้ ที่วัดสันติธรรมาราม แขวงสำเหร่ เขตธนบุรี
โดยเมื่อนายณัฏฐพล เดินทางมาถึง ได้เดินสำรวจพื้นที่ ที่ได้รับความเสียหาย พร้อมสอบถามความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะเด็กนักเรียน ที่ได้รับความเดือดร้อน ก่อนมาพูดคุยกับประชาชน ที่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
โดยนายณัฏฐพล ให้สัมภาษณ์ว่า ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ก็ได้เข้ามาดูแลเด็กนักเรียน ที่ได้รับผลกระทบกว่า 50 คน ซึ่งเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องอุปกรณ์การเรียน ทั้งชุดนักเรียน และปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวกับการศึกษา ส่วนเรื่องอื่นๆ กทม. และรัฐบาล ก็ดูแลตามมาตรฐาน
นายณัฏฐพล ยังบอกถึงการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นักศึกษาว่า ส่วนตัวยอมรับในสิทธิของประชาชนในการเรียกร้องต่างๆ ส่วนจะทำให้การชุมนุมขยายวงกว้างขนาดไหน มองว่า เป็นเรื่องที่ทุกคนควรคำนึงถึงปัญหาในตอนนี้ ที่เจอปัญหาเศรษฐกิจ โดยในอนาคต 1-2 เดือน ปัญหาเศรษฐกิจจะใหญ่กว่าที่เจอกัน และสิ่งที่เราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้นักท่องเที่ยวเข้ามา แต่หากมีการชุมนุม หรือ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการเดินทางมาไทย เพราะเหตุผลทางการเมือง นั่นเท่ากับเราไม่ได้ช่วยเหลือประเทศ แต่อาจเป็นการทำร้ายประเทศ
นายณัฏฐพล ยังบอกว่า ถ้าเราบริหารการชุมนุมให้มีความเหมาะสม แสดงความเห็นต่างภายใต้กฎหมาย และสร้างโอกาสการพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า พร้อมย้ำว่า คนไทยส่วนใหญ่ อยากให้ประเทศมีความสงบ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาในการรับฟังความคิดเห็นนักเรียน นักศึกษา ที่มีความเห็นต่าง ซึ่งตนจะร่วมมือกับ รมว.อุดมศึกษาฯ ในการเปิดเวที ที่สามารถให้แสดงออกอย่างกว้างขวาง ตราบใดที่ไม่มีความหยาบคาย ก้าวร้าว และไม่ได้เป็นเรื่องที่เกิดความแตกแยกในประเทศ
นายณัฏฐพล ยังบอกว่า รูปแบบของเวทีรับฟังความคิดเห็น ต้องถามผู้ชุมนุมว่า กลุ่มแกนนำมีใครบ้าง หากรวมตัวกันได้จะดีที่สุด เพราะเราจะได้พูดคุยกับแกนนำในครั้งเดียว พร้อมคิดว่า กระทรวงศึกษา และกระทรวงอุดมศึกษาฯ น่าจะเป็นทางออกของรัฐบาล ในการเปิดเวทีฟังความเห็น ส่วนกรอบเวลา ยืนยันว่า ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ยินดี เพราะตนก็พร้อมตั้งแต่วันพรุ่งนี้