สื่อจีนชี้สหรัฐฯพยายามขโมย Tik Tok
ฮ่องกง – ในสัปดาห์นี้ สื่อรัฐบาลจีนกล่าวหาสหรัฐฯ ถึงวิธีการที่ปฏิบัติต่อ Tik Tok ว่า “สกปรก” และยิ่งสั่นคลอนความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนมากยิ่งขึ้น
“ การแบ่งแยกตัดขาดของสหรัฐฯจากจีน เป็นการเริ่มต้นเข่นฆ่าบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุดของจีน ” สื่อโกลบอลไทม์ ซึ่งเป็นสื่อภาครัฐของจีนระบุเมื่อวันที่ 3 ส.ค. “ ในการดำเนินการ สหรัฐฯไม่สนใจกฎเกณฑ์ใดและไร้เหตุผล ”
การถกเถียงตลอดสัปดาห์ถึงอนาคตของ Tik Tok (ซึ่งเจ้าของคือบริษัทสัญชาติจีน ByteDance) กลายเป็นข่าวพาดหัวในช่วงสุดสัปดาห์เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่จะแบนแอปพลิเคชั่น Tik Tok ไม่ให้ดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ โดยรัฐบาลแสดงท่าทีกังวลซ้ำๆว่า Tik Tok อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เนื่องจากข้อมูลของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ อาจตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลจีน ขณะที่ Tik Tok ระบุว่า มีการจัดเก็บข้อมูลนอกประเทศจีน และยืนยันจะต่อต้านหากรัฐบาลจีนจะขอข้อมูลจากทางบริษัท
ในวันที่ 3 ส.ค. ทรัมป์ระบุว่าจะเปิดทางให้บริษัทของสหรัฐฯเข้าซื้อกิจการของ Tik Tok ได้ โดยมีข้อแม้ว่า ดีลนี้จะต้องมีเงินจำนวนมากที่จะไหลเข้ากระทรวงการคลังสหรัฐฯ บริษัทไมโครซอฟต์ผุดขึ้นมาเป็นผู้ขอซื้อที่มีศักยภาพ และระบุว่าพยายามจะทำข้อตกลงในการซื้อ Tik Tok
หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ระบุว่ากระบวนการในการเข้าซื้อ Tik Tok เหมือนเป็นการ “ทุบแล้วฉกเอาไป” ที่มีรัฐบาลสหรัฐฯเป็นผู้บงการ
“การกลั่นแกล้งรังแกของรัฐบาลสหรัฐฯที่มีต่อบริษัทเทคโนโลยีของจีนซึ่งเริ่มต้นจากประเด็นข้อมูล กำลังกลายเป็นแหล่งที่มาใหม่ของความมั่งคั่ง และชี้ให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ว่า อเมริกาต้องมาก่อน” สื่อจีนรายงานเมื่อวันที่ 3 ส.ค.
“ จีนจะไม่มีทางยอมรับการขโมยเทคโนโลยีของบริษัทจีนเช่นนี้”
ปัญหาของ Tik Tok ในสหรัฐฯ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นถกเถียงในจีนเมื่อเทียบกับสิ่งที่รัฐบาลจีนทำกับบริษัทอเมริกัน โดยหลายบริษัทอย่างกูเกิลและเฟซบุ๊กถูกบล็อกในจีน ( แต่บริการของไมโครซอฟต์ ทั้งเสิร์ชเอ็นจิ้น Bing และแพลตฟอร์มวีดีโอคอล Skype ให้บริการในจีนได้)
“ที่จริงแล้วจีนไม่ได้แบนเว็บไซต์หรือซอฟต์แวร์อเมริกัน จีนกำหนดให้บริษัทที่ดำเนินการในจีนต้องทำตามกฎหมายจีน ที่ผ่านมา Tik Tok ปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐฯ อย่างถูกต้อง แต่รัฐบาลสหรัฐฯยังต้องการแบนอีก” หูสีจิน บก.บริหารโกลบอลไทม์ระบุบนเว่ยป๋อ “การกระทำของสหรัฐฯเห็นชัดว่าเป็นความตั้งใจและโหดกว่าเมื่อเทียบกับของจีน” เขาเสริม
ไคฟูลี อดีตประธานกูเกิลในจีนให้ความเห็นเหมือนกันเรื่อง Tik Tok ในโพสต์บน WeChat โดยเขาระบุว่า กฎหมายจีนกำหนดไว้ชัดเจนว่าบริษัทต่างชาติต้องปฏิบัติอย่างไรในจีน แต่ในกรณีของ Tik Tok บริษัทไม่มีทางเลือกและต้องพิจารณาการถูกบังคับให้ขายบริษัทให้บริษัทอเมริกัน
ในจดหมายเวียนภายในถึงพนักงานเมื่อวันที่ 3 ส.ค. จางอี้หมิง ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง ByteDance ระบุว่า “ 2 – 3 เดือนที่ผ่านมาเป็นความท้าทายสำหรับเราทุกคน”
“เราเริ่มพูดคุยกับบริษัทเทคโนโลยีก่อนเพื่อช่วยเคลียร์ทางให้เรายังสามารถให้บริการแอป Tik Tok ในสหรัฐฯได้ ” จางระบุในจดหมายเวียน ซึ่งบริษัทส่งให้สื่อ
“เราไม่ทราบรายละเอียดที่แท้จริงว่าเราจะมีทางออกอย่างไร” เขาเสริม “ ไม่มีแนวโน้มว่าการแสวงหาประโยชน์และการเก็งกำไรใน Tik Tok จะหยุดลงในช่วงเวลาสั้นๆ และผมตระหนักว่านี่จะเป็นสิ่งที่ทรมานใจมาก ”
สื่อจีนพากันประโคมข่าวเรื่องสภาพความยากลำบากของ ByteDance ในสหรัฐฯ โดยระบุว่า ประเด็นของ Tik Tok เหมือนเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงประสบการณ์ยากลำบากของบริษัทจีนที่มีแผนจะขยายกิจการออกไปนอกจีน